ASTVผู้จัดการรายวัน - “ปูนซิเมนต์ไทย”สนับสนุนคลัสเตอร์ปิโตรเคมี เชื่อจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยหลุดพ้นจากกับดักผู้มีรายได้ปานกลาง ชี้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทยแข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน มั่นใจว่านโยบายนี้จะพลิกโฉมหน้าปิโตรฯไทย ด้านบีแอลซีพี เสนอรัฐผุดโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1พันเมกะวัตต์ที่มาบตาพุด
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)(SCC) เปิดเผยว่าส่วนตัวสนับสนุนนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ปิโตรเคมีของภาครัฐซึ่งจะเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้ก้าวพ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง (MIT) ซึ่งถือว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว
เนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทยแข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน สร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก และยังเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอยู่ร่วมกับชุมชนได้ ซึ่งปัจจุบันโรงงานปิโตรเคมี 35 โรงที่นิคมฯมาบตาพุด จ.ระยอง ได้รับการรับรองการเป็นอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์หรือโรงงานสีเขียวและเป็นแบบอย่างให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของประเทศในอาเซียน
เชื่อว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะออกกฎเกณฑ์ต่างๆของคลัสเตอร์ปิโตรเคมีออกมา โดยสนับสนุนให้เกิดโรงงานปิโตรเคมีที่ผลิตสินค้าที่มูลค่าเพิ่มสูงขึ้นไปอีก (HHVA) ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย และเชื่อว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทยมีความพร้อมมากที่สุด โดยมีระบบท่อเชื่อมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ
ในส่วนของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย เองก็มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ และมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีนั้น ขณะนี้มองว่าจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงและมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีในแง่ของต้นทุนที่ลดลงต่อเนื่องไปอีก 3 ปี หรือจนถึงปี 2561 ดังนั้น จึงถือว่าประเทศไทยมีความพร้อมมากที่สุดในการลงทุนด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
บีแอลซีพีเสนอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน
นายนิติกร ตันติธรรม กรรมการบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เสนอตัวที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1 พันเมกะวัตต์ในนิคมฯมาบตาพุด จ.ระยอง โดยได้มีการเจรจากับกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)และคณะกรรมการกำกับพลังงาน (กกพ.)แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรอการตัดสินใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้หากรัฐมีการเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนอิสระรายใหญ่ (ไอพีพี)รอบใหม่ ตนมั่นใจว่าจะชนะการประมูลดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้บริษัทได้มีการทำประชาพิจารณ์ชุมชนในพื้นที่ และเตรียมยื่นรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม(EHIA) ในกลางปีหน้า ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการลงทุน
“โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มีพื้นที่เหลืออีก 200ไร่เพียงพอที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินได้อีก 1พันเมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ใช้เทคโนโลยีแบบ Ultra Super Critical ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่นิยมใช้ในโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด รวมทั้งบริษัทได้มีการเจรจากับมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาและขายเครื่องจักรแล้ว
ขณะที่ผู้ถือหุ้นบริษัททั้งบ้านปูและเอ็กโก้กรุ๊ปก็สนับสนุนเต็มที่ ปัจจุบันโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีมีกำลังการผลิตอยู่ 1,434 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดจ่ายไฟเข้าระบบมานาน 8 ปีไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรง และปัญหาสิ่งแวดล้อม ”
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)(SCC) เปิดเผยว่าส่วนตัวสนับสนุนนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ปิโตรเคมีของภาครัฐซึ่งจะเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้ก้าวพ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง (MIT) ซึ่งถือว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว
เนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทยแข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน สร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก และยังเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอยู่ร่วมกับชุมชนได้ ซึ่งปัจจุบันโรงงานปิโตรเคมี 35 โรงที่นิคมฯมาบตาพุด จ.ระยอง ได้รับการรับรองการเป็นอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์หรือโรงงานสีเขียวและเป็นแบบอย่างให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของประเทศในอาเซียน
เชื่อว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะออกกฎเกณฑ์ต่างๆของคลัสเตอร์ปิโตรเคมีออกมา โดยสนับสนุนให้เกิดโรงงานปิโตรเคมีที่ผลิตสินค้าที่มูลค่าเพิ่มสูงขึ้นไปอีก (HHVA) ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของไทย และเชื่อว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทยมีความพร้อมมากที่สุด โดยมีระบบท่อเชื่อมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ
ในส่วนของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย เองก็มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ และมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีนั้น ขณะนี้มองว่าจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงและมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีในแง่ของต้นทุนที่ลดลงต่อเนื่องไปอีก 3 ปี หรือจนถึงปี 2561 ดังนั้น จึงถือว่าประเทศไทยมีความพร้อมมากที่สุดในการลงทุนด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
บีแอลซีพีเสนอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน
นายนิติกร ตันติธรรม กรรมการบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้เสนอตัวที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1 พันเมกะวัตต์ในนิคมฯมาบตาพุด จ.ระยอง โดยได้มีการเจรจากับกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)และคณะกรรมการกำกับพลังงาน (กกพ.)แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรอการตัดสินใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้หากรัฐมีการเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนอิสระรายใหญ่ (ไอพีพี)รอบใหม่ ตนมั่นใจว่าจะชนะการประมูลดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้บริษัทได้มีการทำประชาพิจารณ์ชุมชนในพื้นที่ และเตรียมยื่นรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม(EHIA) ในกลางปีหน้า ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการลงทุน
“โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มีพื้นที่เหลืออีก 200ไร่เพียงพอที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินได้อีก 1พันเมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ใช้เทคโนโลยีแบบ Ultra Super Critical ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่นิยมใช้ในโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด รวมทั้งบริษัทได้มีการเจรจากับมิตซูบิชิ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาและขายเครื่องจักรแล้ว
ขณะที่ผู้ถือหุ้นบริษัททั้งบ้านปูและเอ็กโก้กรุ๊ปก็สนับสนุนเต็มที่ ปัจจุบันโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีมีกำลังการผลิตอยู่ 1,434 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดจ่ายไฟเข้าระบบมานาน 8 ปีไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรง และปัญหาสิ่งแวดล้อม ”