รายงานการเมือง
หน้าเละหมอไม่รับเย็บกันไปเลย คางคกขึ้นวอ “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาห้ามปรามไม่ให้มวลชนคนเสื้อแดงแต่งชุดแดงให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังตกระกำลำบากในคดีรับจำนำข้าว เพราะจะเป็นหลุมพรางล่อให้ นปช.เข้าไปติดกับดัก จนโดนแกนนำปลายแถวด่านิ่มๆ แต่สะท้านไปถึงใจดำ นัยว่าเป็นพวกปอดแหก หลัง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ออกมาสวมเสื้อเฉดแดง ยืนกอดอกจังก้าในวันที่ 1 พ.ย. ตอกย้ำแคมเปญปั่นประสาทคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ทักษิณรับบทแกนนำแต่งชุดแดงให้กำลังใจน้องสาว ไม่สนน้ำคำทั่นประธาน นปช. งานนี้คนที่เสียรังวัดกลายเป็นคนที่ประกาศกร้าวห้ามมวลชนแต่งแดง
ลิ่มรอยร้าวปริออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ว่า ปัจจุบันทักษิณกับตุ๊ดตู่ ตกลงแนวทางยังไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ หรือสาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะแกนนำหลายคนเริ่มอืดอาด ทำงานในลักษณะเงินไม่มา งานไม่เดิน อย่างที่รู้กันตั้งแต่ช่วงรัฐประหารเป็นต้นมา ท่อน้ำเลี้ยงจากแดนไกลชักเริ่มอุดตัน ไหลไม่ถึงท้องแกนนำเลยสักหยด
กระสุนดินดำไม่พอ ลำพังจะให้ควักกระเป๋าออกไปก่อนก็ไม่มีใครอยากจะเสี่ยง สู้ไม่รวย ไม่รู้จะสู้ไปทำไม เพราะเสียทั้งเงิน แล้วยังต้องมาเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ทุกวันนี้ก็อยู่ลำบากเพราะโดน คสช.ประกบติดทุกย่างก้าวแทบจะขยับอะไรกันไม่ได้ แคมเปญยั่วประสาทฝ่ายกุมอำนาจมันเลยผิดคิว นายใหญ่ไปทาง ลิ่วล้อไปทาง
คนที่เป็นฮีโร่ของเสื้อแดงนาทีนี้เลยเป็นนายใหญ่ ที่กล้าหาญชาญชัยออกมาถือธงนำ ขณะที่ “ตุ๊ดตู่” กลายเป็นแค่คางคกขึ้นวอ หลงตัวว่ามีสิทธิ์เด็ดขาดในการต่อสู้ พูดจาอะไรแล้วต้องเป็นอาญาสิทธิ์ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ทั้งที่ความจริงแล้วทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยกระสุนดินดำ ตามสโลแกน “สู้แล้วรวย”
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ “ตุ๊ดตู่” ยังถูกมองว่ากำลังทำตัวเป็นหมาหวงที่นอนเข้าทุกวัน กลัวจะถูกช่วงชิงการนำมวลชนจากคนอื่น พยายามผูกขาดการนำของคนเสื้อแดงเสมือนตัวเองเป็นศูนย์กลางของทั้งหมด จะรบหรือรับ ให้ฟังตัวเองคนเดียว
ปรากฏการณ์ดังกล่าวยังมีผลกระทบต่อความรู้สึกและความศรัทธาของมวลชนเสื้อแดงที่มีต่อตัวผู้นำมวลชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า สุดท้ายแล้วการต่อสู้ที่ผ่านมา “ตุ๊ดตู่” ทำตามอุดมการณ์ หรือเป็นเพราะผลประโยชน์ที่ได้รับ ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ทั่วไป พอได้อำนาจแล้วก็หลงใหลได้ปลื้ม เที่ยวชี้นิ้วสั่งคนนั้นคนนี้ กำหนดยุทธศาสตร์การต่อสู้ขึ้นเอง เพราะคิดว่า ตัวเองนั้นกุมมวลชนเสื้อแดงในประเทศได้ทั้งหมดคนเดียว
กลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ สถานะประธาน นปช.ของ “ตุ๊ดตู่” หลังจากนี้จะไม่เข้มขลังอีกต่อไป เป็นแต่เพียงหัวโขนธรรมดาแต่ไม่มีอำนาจกุมมวลชน ทักษิณเองก็คงไม่อัดฉีดเงินเข้าไปช่วยในช่วงนี้ เพราะรู้ว่าสู้ไปตอนนี้ก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ให้แกนนำนำเงินไปใช้สนุกมือเล่น ผลลัพธ์ที่ได้ก็เท่าเดิม คสช.ดักทางได้หมด
พึ่งพาแกนนำมากมีแต่เสียทรัพย์ ทุกวันนี้เกมทักษิณเปลี่ยนไป กลายเป็นเล่นเองในบางลีลา สลับฉากให้กับน้องสาว ที่มีการวางเกมให้เดิน แล้วเดินไปตามหมากที่วางไว้ เรียกคะแนนสงสาร โหยหาความยุติธรรมกันไปเรื่อยๆ เลี้ยงกระแสกันไปจนสุกงอม ดังจะเห็นยิ่งลักษณ์ ในระยะหลังๆ เดินสายทำบุญยั่วประสาท “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ต่อเนื่อง
ร้องแหกกระเชอทุกครั้งที่มีทหารโผล่ไปประกบ อ้างเสียงแปร๋นเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพแม้กระทั่งคนอยากทำบุญ พร้อมกับตีปี๊บ ลูกผู้หญิงตัวเล็กๆ กำลังถูกรังแกจากชายฉกรรจ์ที่มีอำนาจรัฐ ใช้โครงการรับจำนำข้าวที่ช่วยเหลือชาวนา มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายอีกฝั่ง ลอกโมเดลพี่ชายมาทุกขยัก
ส่วนสัมภเวสีผู้เป็นพี่ ก็ออกมาโหยหาความปรองดองในบ้านเมือง ย้ำแล้วย้ำอีกขอความเป็นธรรมในใจของผู้มีอำนาจ งัดกลยุทธ์ใช้ความป็อปปูลาร์ของทั้งคู่กระตุกอารมณ์มวลชนไปเรื่อยๆ มากกว่าการใช้แกนนำ นปช. ที่ต้องสิ้นเปลืองกระสุนดินดำ แถมระยะหลังเริ่มแป้กเอาเสียบ่อย
เปลี่ยนคีย์แมน เปลี่ยนเกมสู้ ตามคิวที่คู่พี่น้องเข้ามุมอับไม่มีทางเลือกนอกจากสู้หัวชนฝา สถานะยิ่งลักษณ์ คาบลูกคาบดอกระหว่างคุกตะรางไปทุกขณะ กับอีกปมใหญ่ที่รัฐบาลเตรียมจะออกคำสั่งทางปกครองยึดทรัพย์ ซึ่งล่าสุด คสช.งัดมาตรา 44 ออกมาคุ้มหัวกบาลเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวกับการระบายข้าวและการดำเนินการเรียกค่าความเสียหาย การันตีให้อุ่นใจ ไม่ต้องมากลัวเช็กบิลกันภายหลัง ตอกย้ำให้เห็นว่า เอาแน่ ไม่กลัวกระแสดรามาของอีกฝ่าย
4.6 หมื่นล้านบาทที่เคยถูกยึดไป ทักษิณไม่ยอมให้น้องในไส้ถูกอายัดรอบสองเหมือนตัวเองแน่ เพราะแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวกับตัวเลขคร่าวๆ ที่ออกมาระดับแสนล้านบาท ยึดจริง ยิ่งลักษณ์จะเป็นบุคคลล้มละลายที่ไร้เครดิตทันที ติดทั้งคุก ยึดทั้งทรัพย์ ชินวัตรโดนล่อแรงๆ ถึงสองครั้งสองคราว เป็นใครคงไม่ยอมง่ายๆ
ขณะที่ตอนนี้ที่เกือบจะคับขัน แต่ยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่หนีไปไหน ยังใจดีสู้เสือทั้งที่แนวโน้มคดีโอกาสจะพลิกกลับมาชนะแทบเป็นศูนย์ นั่นก็เป็นเพราะยังหวังลึกๆ กับเกมมวลชนอยู่ว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญทำให้ทุกอย่างมันพลิกเข้าข้างตัวเอง คสช.ยอมถอย เข้าสู่โหมดปรองดอง เจอกันคนละครึ่งทาง เหมือนกับที่ทักษิณพยายามตีปี๊บขอให้มีใจที่เป็นธรรม พยายามส่งสัญญาณต่อรองกันเป็นระยะ
แต่ช่วงนี้ยังเป็นแค่การชิมลาง ล้อและเลี้ยงกระแสกันไปเรื่อยๆ เพราะคดียิ่งลักษณ์ยังเหลืออีกพัก ปีกว่าๆ จะรู้แพ้ชนะ เร็วที่สุดน่าจะเป็นปลายปี 2559 หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนพยานปากสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายน 2559 ซึ่งโอกาสจบในยุคของ คสช.มีสูง เพราะตามโรดแมปนั้นจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม ปี 2560
การเมืองไทยจะเข้าสู่ช่วงคาบลูกคาบดอกจริงๆ ในปีหน้า หรือที่เรียกกันว่า “เผาจริง” ก่อนคดีจะถึงช่วงโค้งสุดท้าย นายใหญ่ นายหญิงต้องเดินเกมหนักแน่ กระแสปลุกมวลชนจะแรงขึ้นกว่าเก่า แล้วโดยเฉพาะในช่วงปีหน้า ที่มีการคาดคะเนกันว่าเศรษฐกิจจะทรุด ปัญหาภัยแล้งจะแย่หนักกว่าปีนี้ คนรากหญ้าและเกษตรกรจะได้รับผลกระทบเต็มๆ ที่เอามาผสมโรงได้ หลายเรื่องสุกงอมได้จังหวะ ฝ่ายต่อต้านก็พร้อมจะฉวยจังหวะเร่งปิดเกม