โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยนายกฯ สั่ง 3 หน่วยงาน “สถิติ-สภาพัฒน์-ศธ.” จัดทำฐานข้อมูลสภาพการจ้างงานให้เสร็จใน 1 เดือน ใช้จัดทำแผนผลิตกำลังคน รับตลาดในประเทศ-เขตเศรษฐกิจพิเศษ-เปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปลายปีนี้ เผยที่ผ่านมาปรับเปลี่ยนวิธีคิดบริหารจัดกการการศึกษา ให้เรียนรู้อย่างมีความสุขและพัฒนาทั้ง 4 ด้าน พร้อมเปิดโอกาสภาคเอกชนมีส่วนร่วม รัฐสนับสนุนตามแนวทางประชารัฐ
วันนี้ (31 ต.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศเป็นอย่างยิ่ง โดยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา หรือซุปเปอร์บอร์ดการศึกษาวานนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาให้เกิดผลชัดเจนต่อเด็กไทยทุกระดับทั้งระยะสั้นและระยะยาว ภายใต้วิสัยทัศน์คุณภาพการศึกษาดี ลดความเหลื่อมล้ำ และตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน
โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงศึกษาธิการ เร่งรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลสภาพการจ้างงานในปัจจุบันและแนวโน้มความต้องการของตลาดแรงงาน ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน เพื่อใช้ในการจัดทำแผนผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความเป็นจริง สามารถรองรับตลาดแรงงานในประเทศ เขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเปิดประชาคมอาเซียนปลายปีนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ในการบริหารจัดการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ นโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โดยการให้สถานศึกษาปรับลดเวลาเรียนในห้องเรียนลง และเพิ่มเวลาในการทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ เพิ่มเติมความรู้ และฝึกทักษะต่างๆ ให้แก่เด็กมากขึ้น ทำให้เขามีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา มีความสามารถในการคิดและแก้ไขปัญหาได้ในอนาคต
ส่วนด้านอาชีวศึกษา เน้นจัดการเรียนรู้ที่ได้ปฏิบัติจริงหรือการศึกษาแบบทวิภาคี โดยสถานประกอบการเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษามากขึ้นตั้งแต่การวางแผนผลิตกำลังคน มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ภาคปฏิบัติ ส่งผลให้ผู้เรียนมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีทักษะฝีมือที่สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ และทำงานได้จริงในสถานประกอบการทันทีที่สำเร็จการศึกษา สำหรับระดับอุดมศึกษา ได้เน้นผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการในการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ โดยบัณฑิตของแต่ละสถาบันจะต้องมีความเป็นเลิศตามภารกิจที่สถาบันกำหนดเป้าหมายไว้
“นายกฯ ต้องการให้ปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้มีโอกาสรับการศึกษาที่ดีที่สุด ได้เรียนรู้อย่างมีความสุข ได้รับการพัฒนาครบทั้ง 4 เอช คือ เฮด (Head), ฮาร์ต (Heart), แฮนด์ (Hand), เฮลท์ (Health) และเน้นว่าการพัฒนาต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ปลูกฝังให้เด็กมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย พึ่งพาตนเองได้ และคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ทำงานอย่างมีความสุข รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา สร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก และรัฐเป็นผู้สนับสนุนตามแนวทางประชารัฐ” พล.ต.สรรเสริญกล่าว