ประชุมสปท. ตั้ง 3 โฆษก "คำนูณ-กอบศักดิ์-สุวัฒน์" แจง ปฏิรูปต้องรอความเห็นกระทรวงต่างๆด้วย หวั่นกระทบการทำงาน แก้ปัญหาก่อนเลือกตั้ง "หมอพรทิพย์" แนะ ตั้งก.มั่นคง แก้ปัญหาจชต. พัฒนานิติวิทย์ "อำนวย" ขอให้ใช้ม. 44 แก้การเมืองแทรกแซงตร. ห่วงแยกสอบสวน "พงศ์โพยม" สรุปปมปฏิรูปท้องถิ่น แนะเพิ่มอำนาจ เพิ่มโทษซื้อเสียง แนะ สปท.ต้องมีสายสัมพันธ์ที่ดี ปฏิรูปจะไม่ล้มเหลว
วันนี้ (27ต.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยมีร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่ง ร.อ.ทินพันธู ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในวันที่ 28 ตุลาคม จะมีการประชุมแม่น้ำ 5 สาย โดยให้สมาชิกไปลงทะเบียนบริเวณหน้าห้องประชุม ก่อนเวลา 09.00 น. อย่างพร้อมเพียงกัน เนื่องจากจะมีการระบุผังที่นั่งในการประชุมด้วย นอกจากนี้ ขอแจ้งให้สมาชิกทราบว่า ได้มีการแต่งตั้งโฆษก สปท. 3 คน ได้แก่ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล และนายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ ให้ดำรงตำแหน่งโฆษก สปท.
ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าวว่า ขอแจ้งความคืบหน้าการทำงานให้สมาชิกทราบว่า รายงานการปฏิรูปที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้เสนอไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ครม.ได้มีมติรับหลักการในทุกเรื่องและได้ส่งไปยังกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาในทางปฏิบัติ คือ บางครั้งเราเสนอประเด็นการปฏิรูปขึ้นมาในลักษณะงานวิจัย หรือ แผนปฏิรูป บางเรื่องนั้นไม่สามารถออกเป็นกฎหมายได้ทันที เนื่องจากจะไปกระทบการทำงานของกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบางเรื่องที่เสนอไป ถ้าเราไปให้ผู้มีอำนาจออกเป็นกฎหมายทันที อาจจะทำให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องหยุดการทำงานทันที ดังนั้นทุกเรื่องในการปฏิรูปเราจะต้องรอความเห็นจากกระทรวงต่างๆด้วยว่า เขามีปัญหาหรือไม่ และสามารถปฏิบัติตามได้หรือไม่ ซึ่งครม.จะส่งเรื่องดังกล่าวกลับมายัง สปท.ในภายหลัง
“การปฏิรูปจะต้องจัดลำดับความสำคัญก่อนจะออกเป็นกฎหมาย และต้องแก้ไขปัญหาต่างๆได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งในอนาคตหากมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปแล้ว สปท.ต้องช่วยกันขับเคลื่อน และผลักดันให้มีการกระทำตามกฎหมายในสังคมด้วย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมาพูดเพื่อให้แม่น้ำ 5 สายทำงานสอดคล้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากสมาชิกให้มาร่วมทำบุญให้ประเทศ โดยการทำงานปฏิรูปให้สำเร็จ” ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าว
จากนั้น ที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายในประเด็นการปฏิรูปเรื่อง กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสมาชิกได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อภิปรายว่า ตนอยากเสนอให้มีการตั้งกระทรวงความมั่นคง รวมถึงการมีระบบฐานข้อมูลกลาง เพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อยาวนาน พร้อมทั้งควรมีการพัฒนาระบบงานนิติวิทยาศาสตร์ทั้งระบบ
ด้าน พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อภิปรายว่า ตำรวจตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อน ทำให้ถูกรัฐแทรกแซงเพื่อจัดตั้งรัฐตำรวจ ตนขอเสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปลดตำรวจจากการถูกแทรกแซงทางการเมือง ให้ตำรวจกลับมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนกรณีที่สหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ ได้ยื่นเสนอคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญให้บัญญัติการปฏิรูปตำรวจโดยแยกระบบงานสอบสวนและนิติวิทยาศาสตร์ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ตนเห็นว่าน่าเป็นห่วง เพราะงานสืบสวนและสอบสวนถือเป็นเหรียญเดียวกันแต่อยู่คนละด้าน ต้องทำงานร่วมกัน
ต่อมา เป็นการอภิปรายประเด็นการปฏิรูป เรื่อง การบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งที่ประชุมได้เชิญนายพงศ์โพยม วาศภูติ อดีตประธานกรรมาธิการปฏิรูปท้องถิ่น สปช. เพื่อชี้แจงข้อสรุปประเด็นในการปฏิรูปท้องถิ่น โดยนายพงศ์โพยม กล่าวว่า ปัญหาการบริหารท้องถิ่น คือ ยังไม่มีอำนาจที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เราควรให้อำนาจและความสำคัญกับท้องถิ่นมากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาท้องถิ่นยังไม่ได้บริหารอำนาจของเขาได้อย่างเต็มที่ สำหรับที่มานักการเมืองท้องถิ่น จะต้องดูรัฐธรรมนูญใหม่ว่าจะออกมาอย่างไร ถ้านักการเมืองระดับชาติเข้ามาแล้วแก้ปัญหาได้ นักการเมืองท้องถิ่นก็แก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะเรื่องบทลงโทษผู้ทุจริตขายเสียงที่ต้องเข้มงวด
นายพงศ์โพยม กล่าวอีกว่า เชื่อว่าถ้ารัฐธรรมนูญและ สปท.ช่วยกันออกแบบองค์กรให้เหมาะสม การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว การทุจริตทั้งระดับชาติและท้องถิ่นจะทำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ เมื่อสปท.ได้ข้อสรุปในการปฏิรูปท้องถิ่นแล้ว อยากให้เรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การปฏิรูปเป็นข้อปฏิบัติให้ดำเนินการได้จริง ถ้าสปท.อยากปฏิรูปสำเร็จ ไม่ล้มเหลวเหมือน สปช. ก็ควรต้องมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ ครม. และกระทรวง ทบวง กรม เพื่อการปฏิรูปจะได้สำเร็จ
