รมว.กห. เผย วันนี้ออกคำสั่งปราบผู้มีอิทธิพล เน้นควบคุมอาวุธสงครามให้สิ้นซาก ลั่น มาเฟียตามสถานบันเทิงมีไม่ได้ เจอ จนท. ต้องรับผิดชอบ 6 เดือน ต้องเห็นผล พร้อมเข้มปราบยาเสพติด - ค้ามนุษย์ ย้ำ ให้มุ่งพัฒนากำลังพล อย่าทำนอกเหนือธรรมเนียม กำชับดูแลอาวุธ เลขาฯ คสช. ประชุมสรุปผลปฏิบัติ กกล.รส. คงสกัดกั้นการทำผิด กม. สร้างความเข้าใจภัยแล้งและช่วยเหลือ
วันนี้ (26 ต.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ว่า กำลังจะมีการออกคำสั่งภายในวันนี้ (26 ต.ค.) หรือพรุ่งนี้ (27 ต.ค.) ซึ่งรอเพียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามแต่งตั้งคณะทำงาน โดยมีตนทำหน้าที่เป็นประธาน และมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นทีเกี่ยวข้องเพื่อผลักดันการทำงานสู่ระดับล่างต่อไป ส่วนนโยบายจะเน้นการควบคุมอาวุธสงครามเป็นส่วนใหญ่ และสิ่งที่ทำให้เกิดอิทธิพลในท้องถิ่น จนทำให้เกิดความเสียหาย เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
เมื่อถามว่า แสดงว่า ยังมีตกค้างอยู่ภายหลังจากที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้นำอาวุธมาคืนต่อรัฐแล้ว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ตนก็ไม่ทราบ แต่ที่สำคัญเร่าไม่อยากให้มีอาวุธสงคราม เพราะถ้ามีก็จะนำมาใช้กันจนเกิดความไม่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกำลังพิจารณาออกกฎหมายเรื่องการพกพาหรือนำพาอาวุธ พร้อมทั้งปฏิเสธว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีการแจ้งเตือนว่ามีการก่อเหตุความวุ่นวาย เพียงแต่เราพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการเสียชีวิตและตลอดจนถึงไม่ให้มีภาพความขัดแย้งต่าง ๆ ในส่วนของกลุ่มมาเฟียตามสถานบันเทิงต่าง ๆ ทางเจ้าหน้าที่ก็ดูอยู่ เพราะจะมีไม่ได้ ถ้ามีผู้บังคับหน่วยทั้งตำรวจและทหารต้องรับผิดชอบ
ด้าน พล.ต.คงชีพ ตันตระวานิช โฆษกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการประชุมสภากลาโหม ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม เน้นย้ำหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในเรื่องการพัฒนากำลังพลให้ตอบสนองประเทศชาติ ทั้งการปรับปรุงกำลังพลอย่างต่อเนื่อง ให้มีขีดความสามารถควบคู่กับด้านจริยธรรม เพื่อให้พร้อมต่อการปฏิบัติภารกิจหลากหลายในอนาคต นอกจากนี้ จะต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ในกฎระเบียบวินัย และกฎหมาย โดยจัดให้มีการอบรม ฟื้นฟู กฎข้อบังคับต่างๆเพื่อให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามทหารมีวินัยอยู่แล้ว เพียงแต่เน้นย้ำให้กำลังพลตระหนักในความรับผิดชอบ ไม่ให้กระทำการใด ๆ นอกเหนือไปจากแบบธรรมเนียมทหาร นอกจากนั้น ยังกำชับให้ดูแลอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ให้มีความปลอดภัย ทั้งเรื่องการจัดเก็บ ดูแลรักษา เพื่อไม่ให้รั่วไหลออกไป ขอให้อบรมกำลังพลในการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ อย่างมีประสิทธิภาพตาม
พล.ต.คงชีพ กล่าวด้วยว่า รมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมและเห็นผลภายใน 6 เดือน โดยมี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน และเตรียมตั้งคณะทำงานประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เน้นปราบปรามอาวุธสงครามให้สิ้นซาก พร้อมให้ทุกส่วนราชการและประชาชนให้การสนับสนุน ร่วมแจ้งแบะแส หากพบจะดำเนินตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงการเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้ามาพื้นที่ภายใน และกำชับกำลังพลไม่ให้ไปเกี่ยวข้อง ตลอดจนถึงการเพิ่มมาตรการเข้มข้นดูแล บังคับใช้กฎหมาย ในการป้องกันการค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมือง ทั้งกองกำลังตามแนวชายแดนในทางบกและทางน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นมาอีก
ขณะที่กองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ช่วงเช้า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ฐานะเลขาธิการ คสช. เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช. ซึ่งได้มีการสรุปผลการปฏิบัติงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ยังคงสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย ยาเสพติด ป่าไม้ การพนัน ผู้มีอิทธิพล การดูแลความสงบเรียบร้อย ช่วยเหลือประชาชน การเสริมสร้างความเข้าใจตามนโยบายการปฏิบัติของรัฐบาล และ คสช. เช่น สถานการณ์ภัยแล้ง รวมถึงการแนะนำการปลูกพืชทดแทนที่ใช้น้ำน้อย ส่วนงานด้านการช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับประชาชนพัฒนาสถานที่ สาธารณประโยชน์ สร้างที่พักอาศัย จำนวน 97 ครั้ง รวมถึงการเข้าร่วมประชุมประชาคมหมู่บ้านเพื่อรับฟังปัญหาของชุมชนนำไปสู่การแก้ไข 67 ครั้ง
สำหรับภารกิจของ กกล.รส. ซึ่งร่วมกับตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อย่างต่อเนื่อง ในการสร้างสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัยเกื้อกูลต่อการบริหารราชการ สนับสนุนนโยบายเร่งด่วนในการดูแลช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลที่สำคัญ คือ การจัดระเบียบสังคม สกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายนั้น เลขาธิการ คสช. สั่งการให้พิจารณาแผนการปฏิบัติอย่างเข้มข้น ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการขจัดอิทธิพลและสิ่งผิดกฎหมายทั่วประเทศ ส่วนความเดือดร้อนของเกษตรกรยังคงใช้แนวทางการสร้างความเข้าใจ รับรู้ รับฟัง พร้อมผลักดันให้ปัญหาได้รับการแก้ไขผ่านกลไกของศูนย์ดำรงธรรมในระดับพื้นที่ ควบคู่ไปกับการให้นักศึกษาวิชาทหารเข้ามามีส่วนร่วมในลักษณะจิตอาสา โดยมีปัญหาสำคัญในขณะนี้คือ ปัญหาเกษตรกรสวนยางพารา ปัญหาขาดแคลนน้ำในลุ่มแม่น้ำมูล ทั้งนี้ ในทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ ให้ กกล.รส. เข้าไปมีส่วนร่วมในการรวบรวมข้อเท็จจริงจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลนำเสนอให้รัฐบาลได้พิจารณาแก้ไขปัญหาให้ตรงกับความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนมากที่สุด โดยย้ำถึงการดำเนินการของเจ้าหน้าที่จะเป็นไปในลักษณะการเข้าไปชี้แจง ในโอกาส หรือวาระที่ชุมชนมีการจัดประชุม หรือผ่านประชาคมหมู่บ้านเป็นหลัก