ผู้บัญชาการทหารบกนำประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปรับโครงสร้าง คสช.มี 2 กลุ่มงาน ผบ.ทบ.ได้ดูการรักษาความสงบ เน้นปรองดอง ปฏิรูป ช่วยประชาชน แบ่งเป็น 5 ส่วน ย้ำแม่ทัพภาคปราบปรามและขจัดสิ่งผิดกฎหมาย ใช้ความร่วมมือราชการและพลเรือนเดินหน้าโรดแมป ลงพื้นที่ฟังความต้องการชาวบ้าน ป้องกันพวกบิดเบือน
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มี พล.อ. ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช.เป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการจัด คสช. นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้อนุมัติการปรับโครงสร้างดังกล่าวเพื่อให้การทำงานมีความเหมาะสมสอดคล้องและสามารถตอบสนองต่อความจำเป็นต่อสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยโครงสร้างใหม่นี้จะประกอบด้วย 2 กลุ่มงานหลัก ได้แก่ กลุ่มงานขับเคลื่อนการบริหารแผ่นดิน และกลุ่มงานขับเคลื่อนภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อย
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวอีกว่า กลุ่มงานขับเคลื่อนภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อย จะมี ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช.เป็นผู้กำกับดูแล มีภารกิจในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูปประเทศ การช่วยเหลือประชาชน และการสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยแบ่งเป็น 5 ส่วนงาน ได้แก่ ส่วนอำนวยการ, ส่วนงานการรักษาความสงบเรียบร้อย, ส่วนงานการบริหารราชการแผ่นดิน, ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) สำหรับ กกล.รส นั้น ผบ.ทบ.จะปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังอีกฐานะหนึ่ง โดยเลขาธิการ คสช.ได้ย้ำให้ กกล.รส. (แม่ทัพภาค) คงภารกิจดูแลสถานการณ์บ้านเมือง รักษาความปลอดภัย และช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการป้องปรามและขจัดสิ่งผิดกฎหมาย การจัดระเบียบสังคม ผู้มีอิทธิพล และให้ทำงานร่วมกับจังหวัด และเจ้าหน้าตำรวจอย่างใกล้ชิด ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อสร้างสังคมไทยให้มีความปลอดภัยและประชาชนดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
“การประชุมวันนี้ เลขาธิการ คสช.ได้มอบแนวทางการทำงานที่จะใช้ความร่วมมือกันของทุกส่วนราชการ ทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน ในการขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการเดินหน้าตามโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีงานเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ คือ เร่งสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในเรื่อง การร่างรัฐธรรมนูญ การรับมือกับปัญหาภัยแล้ง และนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง โดยให้มีการจัดคณะทำงานร่วมกันเพื่อลงพื้นที่เข้าชี้แจงและรับฟังความต้องการของประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด โดยการลงพื้นที่จะเป็นไปในลักษณะการนำข้อเท็จจริง และความคืบหน้าในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินไปแจ้งให้ประชาชนได้ทราบ และนำไปสู่การร่วมมือและป้องกันไม่ให้มีผู้ใดนำข้อมูลไปบิดเบือนเพื่อให้ประชาชนเกิดความสับสน” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ระบุ
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์บอกด้วยว่า คณะทำงานที่ลงพื้นที่พบปะประชาชนจะประกอบด้วย ฝ่ายจังหวัด ตำรวจ กกล.รส.และส่วนราชการที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ นอกจากนี้ให้ใช้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเป็นกลไกหลัก ในการขับเคลื่อนตามแนวทางขั้นต้น ควบคู่ไปกับการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ที่จะกระจายแผนงานและโครงการต่างๆ ไปให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยประจำจังหวัด ดำเนินการในทุกพื้นที่ เพื่อให้เกิดความรัก ความสามัคคี และการมีส่วนร่วมของประชาชนกับภาครัฐ ทั้งนี้ เลขาธิการ คสช.ได้กำชับให้ทุกส่วนยึดแนวทางการชี้แจงข้อเท็จจริง และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เป็นเครื่องมือหลักในการแก้ไขทุกปัญหา เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลและข้าราชการ พร้อมที่จะดูแลประชาชนในทุกเรื่อง และพยายามให้ทุกปัญหาได้รับการคลี่คลายในระดับพื้นที่
นอกจากนี้ ในเรื่องภัยพิบัติและสาธารณภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งการบริหารสถานการณ์ภัยพิบัตินั้น พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับผิดชอบหลักอยู่แล้ว และให้ทุกกองทัพภาค และ กกล.รส.ให้การสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถ มุ่งเน้นให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ให้สอดคล้องกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเป็นประจำในพื้นที่นั้นๆ ในขณะเดียวกัน กองทัพบกพร้อมสนับสนุนเครื่องมือพิเศษจากหน่วยทหารช่างเข้าแก้ไขในทุกสถานการณ์