รองประธาน สปท. แจง กรอบเวลาทำงาน ระบุจะไม่ย้อนไปพิจารณาเรื่องเดิมที่ สปช. ทำไปแล้ว ส่วนการรับฟังความคิดเห็น กรธ. เริ่ม 10 พ.ย.
ที่รัฐสภา วันนี้ (26 ต.ค.) ในการประชุมสมาชิกขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ครั้งที่ 4 นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. คนที่หนึ่ง กล่าวถึงกรอบการทำงานของ สปท. ตามนโยบายที่ประธานมอบหมายวางเป็นแนวทาง มีการวางกรอบเวลาการทำงานภายใต้โรดแมป ระยะที่ 2 ของแม่น้ำ 5 สาย 6- 4- 6- 4 = 20 เดือนโดยประมาณ ในส่วนของ สปท. เพื่อให้เป็นไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพ มีการกำหนดกรอบเวลา เป็น 1+1+18 โดยใน 1 เดือนแรก เป็นช่วงของการยกร่างสร้างกลไกการทำงาน ซึ่งได้ดำเนินการ อยู่ในขณะนี้ จะมีการยกร่างเสร็จตามกำหนด คือ วันที่ 2 พ.ย. จะมีการตั้งคณะกรรมการในกรอบ 11 สาขา ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จากนั้นจะมีการจัดในเรื่องของการกำหนดวาระการประชุม โดยตั้งแต่วสันที่ 26 ต.ค. ไปจนถึงวันที่ 17 พ.ย. จะมีการอภิปรายทั่วไป เพื่อรับฟังความเห็นข้อเสนอของสนมาชิก สปท. ที่เน้นการจัดลำดับการจัดวาระปฏิรูปของสาขานั้น ๆ เป็นประการแรก
นายอลงกรณ์ กล่าวถึงวาระที่ 2 คือ การนำเสนอวิธีการปฏิรูป โดยพยายามให้ละเว้นไม่ย้อนกลับไป ที่สภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำงานไป และส่งวาระปฏิรูปรายงานปฎิรูปประเทศ หรือ พิมพ์เขียวที่ส่งให้นายกฯและครม.ไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ส.ค. โดย ครม. มีการพิจารณา และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในรูปของการปฏิรูปแต่ละด้านแล้ว ยังมีในส่วนตัวร่างกฎหมายกว่า 200 ฉบับ
ดังนั้น สปท. จะทำงานต่อยอด ต่อเติม เราจะไม่ย้อนไปบอกว่าจะ ต้องปฏิรูปอะไร เราจะจัดลำดับความสำคัญ เราบอกถึงวิธีการปฏิรูป คือ กรอบแนวางที่ประธานฯวางนโยบาย แล้วมาออกแบบในเรื่องของการที่เปิดโอกาสให้ สปท.ทุกคนมีส่วนร่วม ก่อนที่คณะกรรมการแต่ละด้าน จะได้รับนำความเห็นของทุกคนไปประกอบการพิจารณา จัดทำ ในการกลั่นกรองข้อเสนอ ทั้งส่วนที่เป็น สปช.เดิม และส่วนที่ได้รับความคิดเห็นจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ ได้ดำเนินการไปแล้ว และในส่วนของการพิจารณา ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.- 17 พ.ย. จะเรียงลำดับไปเรื่อย
พร้อมกันนั้น ก็จะมีวาระแทรก 2 วาระ คือ 1. การประชุมร่างข้อบังคับ ทางกรรมการยกร่างข้อบังคับ มีการทำงานที่คืบหน้าไปมาก จะมีการนำมาพิจารณาในที่ประชุมสปท.วันที่ 2 พ.ย. และในวันดังกล่าวก็จะมีวาระสาขาการปฏิรูปการเมืองเป็นเรื่องใหญ่และยาว คงต้องใช้เวลากันทั้งวัน
