ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนองค์กรเครือข่ายเพื่อการปฏิรูปประเทศ สปท. เผยวางแผนงานจัดสัมมนาใหญ่ 71 องค์กรเดือนหน้า สู่การเป็นผู้นำการปฏิรูป สร้างเครือข่าย ด้าน “บุญเลิศ” ระบุชมรมสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติพร้อมหนุนงาน สปท.
วันนี้่ (6 พ.ค.) นายนิมิต สิทธิไตรย์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนองค์กรเครือข่ายเพื่อการปฏิรูปประเทศ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยว่า คณะอนุฯ ชุดนี้กำลังเร่งเครื่องทำงานด้านองค์กรเครือข่ายภายหลังจากนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และเป็นประธานกรรมการบริหารองค์กรเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้แนวทางว่าประเทศจะเดินหน้าปฏิรูปไปได้ตามทิศทางของ ป.ย.ป.ประกอบไปด้วย 1. ฐานความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม 2. ฐานพื้นที่ที่จะครอบคลุมทั้งประเทศ 3.ฐานข้อมูลการปฏิรูปที่แบงเป็น 5 กลุ่มหลัก 27 วาระ 42 เรื่อง
นายนิมิตกล่าวว่า ขณะนี้ได้วางแผนเตรียมการในหลายๆ เรื่อง ที่สำคัญ คือ ในเดือนมิถุนายนนี้จะร่วมกับอนุฯ ด้านวิชาการจัดสัมมนาใหญ่องค์กรเครือข่ายๆ ละ 2 คน จาก 71 องค์กรที่ทำข้อตกลงกันไว้กับ สปท.เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจเรื่องการปฏิรูปและสามารถร่วมขับเคลื่อนไปได้ให้เป็นผู้นำการปฏิรูป (REFORM LEADER) นอกจากนี้ยังได้ออกแบบสัญลักษณ์เป็นรูปรถไฟที่ทันสมัยหลายโบกี้ท่ามกลางรังผึ้งรูป 6 เหลี่ยมที่เกาะเกี่ยวกันเปรียบเสมือนองค์กรเครือข่ายต่างๆ ที่มีมากมายผนึกเชื่อมประสานกัน นอกจากนี้ยังจะขยายเครือข่ายให้เพิ่มมากขึ้นแม้ สปท.จะหมดวาระ แต่ภารกิจการปฏิรูปประเทศจะไม่หยุดนิ่งซึ่งนายอลงกรณ์ ให้การสนับสนุนอย่างดียิ่ง
ด้านนายบุญเลิศ คชายุทธเดช รองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนองค์กรเครือข่ายเพื่อการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่า ชมรมสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ2557 (สปช.)ที่นายอลงกรณ์ เป็นประธานและได้เข้าร่วมทำข้อตกลงไว้กับ สปท. ได้ติดต่อประสานงานกันทั้ง สปช.จังหวัด และ สปช.ผู้เชี่ยวชาญการปฏิรูปด้านต่างๆ ซึ่งมีอยู่จำนวนไม่น้อยที่แสดงความห่วงใยการปฏิรูป อยากเห็นประเทศเดินหน้าสู่เป้าหมาย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน พร้อมจะเข้ามาสนับสนุนอย่างเต็มที่
“สปช.เปรียบเหมือนนักวิ่งผลัดปฏิรูปไม้แรก หรือไม้หนึ่งที่นำเสนอผลงานเอาไว้ให้ สปท.นักวิ่งไม้สองมารับช่วงต่อ บัดนี้กำลังจะส่งให้ไม้สาม การเดินหน้าประเทศต้องช่วยกันทุกฝ่าย องค์กรเครือข่ายที่นายอลงกรณ์ ริเริ่มไว้จะไม่หยุดแค่นี้ จะเดินหน้าต่อเพราะเป็นเหมือนพลังขับเคลื่อนให้ขบวนรถไฟมุ่งไปสู่เป้าหมาย” นายบุญเลิศกล่าว