ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมตรวจสอบกรณีวางบิลเปล่านมโรงเรียน แม้ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง ประสานข้อมูล “ป.ป.ท. - ปปง.” สอบสวน พร้อมสั่งกรมปศุสัตว์รวบรวมนมโรงเรียนทั่วประเทศตรวจสอบ หลัง 8 จังหวัดไม่ได้คุณภาพ ด้านสหกรณ์หินซ้อน สระบุรี เร่งเคลียร์ไม่โดนตัดสิทธิ โรงงานผ่านมาตรฐานจีเอ็มพี วอนเห็นใจเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ส่วนแหล่งข่าวระบุมีไอ้โม่งรับส่วนต่างค่ารวบรวมนม - ส่งนม 35 สตางค์ต่อถุง เก็บเข้ากระเป่าล้านกว่าบาทต่อวัน
วันนี้ (25 ต.ค.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงกรณีการตรวจพบวางบิลเปล่านมโรงเรียน 1 ราย ว่า ขั้นตอนจากนี้หลังจากที่คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) ได้แจ้งข้อมูลเบื้องต้นในที่ประชุมแล้ว ซึ่งมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบนำข้อมูลไปตรวจสอบติดตามด้วย เช่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ไม่ใช่เป็นผู้เสียหายโดยตรง แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่ได้เพิกเฉย ได้เร่งประสานหน่วยงานที่มีหน้าติดตามตรวจสอบเพื่อเอาผิดทางกฎหมายกับทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยประสานส่งข้อมูลไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปแล้ว
“หลังจากที่มีข้อมูลเบื้องต้นแล้ว 1 ราย มีการวางบิลเปล่า ต้องเอาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมตรวจสอบตรงนี้ ซึ่งจริง ๆ เป็นเรื่องของท้องถิ่น กับโรงเรียน เมื่อส่งข้อมูลให้ ป.ป.ท. ตรวจสอบไปแล้ว จะส่งให้ ปปง. เพื่อดูเส้นทางการเงิน และการฟอกเงิน เพราะใครก็ตามที่ทำไม่ถูกต้อง ต้องมีผู้ได้รับผลเสียหาย ซึ่งจะเป็นการในหลักการทำงานต่อไปนี้ โดยหน่วยงานเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการตรวจสอบ ตอนนี้กระทรวงเกษตรฯประสานข้อมูลส่งให้หน่วยงาน ป.ป.ท. ปปง. สอบสวนความผิด หากที่ไหนก็ตามเจอแบบนี้ ไม่ใช่สอบสวนเอาผิดทางอาญาอย่างเดียว ในการวางบิลเปล่า ต้องฟ้องผู้ที่ทำให้รัฐเกิดความเสียหาย ต้องสอบสวนทั้งหมดทั้งภาครัฐ เอกชน หากข้าราชการผิดต้องดำเนินการทางวินัย ต้องสอบเส้นทางการเงินมาเสริมตรงนี้ เพื่อจะนำไปสู่การถูกยึดทรัพย์ด้วย” นายธีรภัทร กล่าว
นายธีรภัทร ยังกล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนใน 8 จังหวัดมีปัญหานมโรงเรียนไม่ได้คุณภาพ ว่า ตนจะสอบถามความคืบหน้าจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งส่งทีมลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว พร้อมกันนี้ กรมปศุสัตว์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ องค์การคลังสินค้า (อสค.) ได้เข้าตรวจระบบนมโรงเรียนทั่วประเทศ ตามนโยบาย รมว.เกษตรฯ ที่มุ่งเน้นให้เปลี่ยนผ่านไปสู่มาตรฐานสากลภายในปี 2560 เริ่มตั้งแต่ฟาร์มโคนม ทำให้สะอาด มีมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (จีเอพี) และศูนย์รับส่งนม ต้องมีมาตรฐานหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (จีเอ็มพี)
“สั่งให้กรมปศุสัตว์ รวบรวมทั่วประเทศมาให้ดู เพื่อปรับมาตรฐานตั้งแต่ฟาร์ม ศูนย์รับนมมาตรฐานสูงที่สุด ขั้นตอนการผลิต ให้มีการควบคุมมากขึ้น ผู้รวบรวมนมและส่งนมไปยังโรงเรียน เพื่อป้องกันกรณีวางบิลเปล่า ซึ่งตรงนี้ ต้องถามท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาฯ ด้วย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแล จะมีขั้นตอนป้องกันอย่างไรตรงจุดนั้น เป็นเรื่องที่ต้องมีผู้รับผิดชอบชัดเจนด้วย อย่างเช่นการตรวจรถส่งใช้รถห้องเย็นหรือไม่ ตู้เก็บความเย็นมีอุณหภูมิพอเพียงหรือไม่ เพื่อป้องกันนมบูดเน่าเสียด้วย เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาฯ และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นด้วย” นายธีรภัทร กล่าว
ด้าน นายกันตภณ เฉลิมยุทธ ผู้จัดการสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมหินซ้อน จำกัด อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ให้สัมภาษณ์ ยืนยันว่า สหกรณ์ได้ผ่านการตรวจจีเอ็มพีได้คะแนน 95% สามารถเข้าโครงการนมโรงเรียนเทอมสองนี้ได้โควตา 10.01 สิทธิ หรือประมาณ 4 หมื่นกว่าหน่วย ส่วนใบจีเอ็มพีหมดอายุ 4 ต.ค. ยังสามารถใช้ต่อได้จนกว่าได้ต่อจีเอ็มพีใหม่ ส่วนกรณีที่มีการให้ข่าวว่าไม่ผ่านจีเอ็มพี อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันหรือมีเจตนาจะกลั้นแกล้ง ซึ่งขอให้เห็นใจเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่อยู่ในสหกรณ์ด้วย
แหล่งข่าวกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการจัดสรรสิทธินมโรงเรียน ยังมีการจัดโควตานมกองกลาง และนมกองยืม รวมทั้งมีตัวเลขน่าสงสัยว่ามีสองสมาคมที่ผลิตนมโรงเรียน ได้โควตาไปมากถึง 80% ส่วนที่เหลืออีกสองสมาคมกลับถูกลดสิทธิ ทั้งนี้ ยังมีการจัดสรรค่าดำเนินการไว้ในงบประมาณนมโรงเรียน สำหรับค่าจัดส่งนมกระจายให้กับโรงเรียทั่วประเทศ มีค่าจัดส่ง 1 บาทต่อถุง/กล่อง ซึ่งเป็นค่าจ้าง รวบรวมนมและไปส่งโรงเรียน โดยได้ส่วนต่าง 35 สตางค์ต่อถุง เป็นเงิน 1 ล้านกว่าบาทต่อวัน เพราะราคาค่าดำเนินการจริงอยู่ 65 สตางค์เท่านั้น มีการนำเอารายจ่ายตรงนี้ไปใส่ในค่าดำเนินการโครงการนมโรงเรียน
