นายกรัฐมนตรีประชุมบอร์ดนโยบายยางฯ เน้นแก้ปัญหาทั้งระบบ หนุนให้ใช้ในประเทศมากขึ้น หลังความต้องตลาดโลกลด ขณะเดียวกันต้องลดต้นทุนการผลิต ดูแลเจ้าของสวนยาง คนรับจ้างปลูก และพวกกรีดยาง แต่จะไม่ใช้วิธีชดเชยราคา ระบุอันตรายผิดข้อตกลง WTO ชี้ที่ผ่านมาไทยถูกจับตามอง วอนเกษตรกรเข้าใจ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (21 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ 3/2558 โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้แทนเกษตรกรสวนยาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยที่ประชุม มีวาระติดตามสถานการณ์ราคายางพารา และภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย รวมทั้งรับทราบรายงานการยุติโครงการปลูกยางพาราแห่งใหม่ ระยะที่ 3 รวมทั้งมีการพิจารณา การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และพิจารณาผลการดำเนินโครงการ ทบทวนการดำเนินโครงการพัฒนายางพาราทั้งระบบ รวมทั้งแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา
นายกรัฐมนตรีกล่าวช่วงต้นของการประชุม โดยย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรไม่เฉพาะยางพารา แต่รวมถึงข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง สับปะรด แต่เราต้องคำนึงถึง ปัจจัยแวดล้อมประกอบนอกเหนือจากเรื่องราคาเพียงอย่างเดียว โดยปัจจุบันส่วนใหญ่ยางพารา จะส่งออกไปขายยังต่างประเทศ แต่เมื่อเศรษฐกิจโลกไม่พร้อมที่จะรับซื้อได้เท่าเดิมจึงต้องปรับแนวทางให้หันกลับมาใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น ส่วนความคืบหน้าในการจัดตั้งโรงงานยางพาราเต็มรูปแบบจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ตามนโยบายรัฐบาล แม้ตนเองจะไม่ได้ทำอาชีพปลูกยางพาราแต่หวังว่าแนวทางที่วางไว้จะเป็นแนวทางที่สามารถแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนได้ ขอขอบคุณภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการและเกษตรกรที่มาร่วมประชุมในวันนี้ซึ่งทราบข่าวดีว่าทุกฝ่ายได้ทำความเข้าใจระหว่างกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า การประชุมวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งของภาคเกษตรกรรมหรือกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกยางพารา รวมทั้งผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ภาคเอกชน พ่อค้า ที่ประชุมมีการหารือหลายเรื่องในการพัฒนา ปฏิรูปโครงสร้างของการผลิตและจำหน่ายยางพาราให้มีความยั่งยืน จะได้ไม่เกิดข้อขัดแย้ง โดยมีการพูดถึงการสร้างความเข้มแข็ง ปรับต้นทุนการผลิต การตลาด การใช้ยางในประเทศ ได้สั่งการไปให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พิจารณาการใช้ยางสร้างถนน ดูว่าถนนเส้นใดบางต้องการใช้ยาง โดยปัญหาคือราคายาง สำหรับก่อสร้างถนนนั้นสูงขึ้นจึงต้องดูตามความเหมาะสม ยืนยันว่าจะใช้ยางในประเทศให้มากขึ้นเนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ประชุมยังพูดถึงการส่งเสริมการใช้ยางมาทำที่นอน สนามฟุตซอล ฯลฯ เพราะการทำเพียงถุงมืออย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากวันนี้มีการแข่งขันกับหลายประเทศ และผู้ประกอบการรายใหม่รับซื้อยางไปแล้วหลายบริษัท อย่างไรก็ตาม การใช้ยางทำสนามกีฬามีปริมาณมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในอุตสาหกรรมการผลิตยางในประเทศวันนี้กำลังทำโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมเมืองยาง หรือรับเบอร์ซิตี้ ทั้งนี้ ปัญหาเรื่องยางล้อรถยนต์ที่ราคาตกนั้นเป็นไปตามราคาน้ำมันที่ตกจึงทำให้มีการใช้ยางสังเคราะห์แทนเพราะราคาถูกกว่าใช้ยางดิบ อย่างไรก็ตาม หากเราใช้ยางในประเทศได้มาก ไม่ต้องขายออก คิดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ยางของเรา
“ที่ประชุมวันนี้คุยกันดีมาก ทุกกลุ่มมาพูดกันหมด พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ได้ออกมาแล้ว และพอใจทุกคน ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งในคณะกรรมการตามนโยบายยางของกฎหมายใหม่ และคณะอนุกรรมการต่างๆ วันนี้ไม่มีปัญหาแล้ว โดยเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม มีการหารือจนถึงกลางดึกจึงได้ข้อยุติ ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น และได้รับปากกันว่าจะเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตยาง ผู้กรีดยางด้วย วันนี้ต้องพูดกันถึง 3 ส่วน ทั้งเจ้าของสวน คนรับจ้างทำ และผู้กรีดยางที่ต้องดูแล แต่เรื่องการชดเชยเป็นอันตรายต่อข้อตกลง WTO การชดเชยราคาส่วนต่างมากๆ ใช้ไม่ได้แล้ว โดยที่ผ่านมาก็ถูกจับตาดูเหมือนกัน วันนี้ต้องหามาตรการอื่นช่วยสร้างความเข้มแข็ง ให้เขาช่วยตัวเองได้เมื่อราคายางตก เช่น การปลูกพืชเสริม การเลี้ยงสัตว์ ห่วงโซ่คุณค่า เชื่อมโยงการตลาด ทั้งชุมชนท้องถิ่น ภูมิภาค ไปสู่ประชาคมโลก”
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในปีนี้คิดว่าจะมีอะไรขับเคลื่อนได้บ้าง เช่น การศึกษาลงทุนเรื่องสถานีทดสอบยางและยางยนต์ล้อ เราจะทำทั้งสองอย่างเนื่องจากหลายประเทศต่างสนใจและจะได้ไม่ต้องส่งไปทดสอบยังต่างประเทศ ถือโอกาสสร้างสนามทดสอบรถยนต์ไปด้วยเพื่อจะได้มีคนมาใช้บริการ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่คิดแก้ไขปัญหาแล้วจบเป็นงานๆ แต่ต้องการแก้ไขทั้งระบบ ทั้งหมดเป็นปัญหาปลีกย่อยแล้วกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นจึงขอให้เห็นใจและเข้าใจการใช้งบประมาณของรัฐเพราะภาครัฐมีปัญหาเรื่องรายได้ เรื่องเศรษฐกิจโลก เรื่องภาระหนี้สิน การลงทุน จึงฝากเกษตรกรว่าเราดูแลทุกภาคส่วนอยู่แล้ว บางอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ แต่ปัญหามีอย่างเดียวคือต้องลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้ราคาต่ำลง มีส่วนต่างมากขึ้น ส่งผลให้ใช้เงินในการแก้ไขปัญหาน้อยลงด้วย