xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ปิดปากหยุดจ้อเก็บตัวเงียบ สยบปั่นกระแสป่วน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เมื่อวันอังคารที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาถือว่าเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก แต่ก็เป็นเพียงการให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ เพียงบางเรื่องเท่านั้น และเรื่องที่พูดก็เป็นเรื่องทั่วไป เบาๆ

ที่น่าสนใจก็คือ การที่เขาย้ำว่าต่อไปนี้จะพูดแต่เรื่องสำคัญเท่านั้น และจะไม่พูดในเรื่องที่เป็นประเด็นความขัดแย้ง เนื่องจากเกรงว่าทำให้บานปลายออกไปโดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ดี แม้ว่าเหตุผลที่ระบุออกมาดังกล่าวให้สังคมมองออกมาในทางบวก และสอดคล้องกับบรรดารัฐมนตรี และสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คนสำคัญบางคนก็พูดสอดคล้องไปในทางเดียวกันในเรื่องการลดความขัดแย้งในบ้านเมือง แต่ในความเป็นจริงที่น่าจับตาก็คือ นี่คือวิธีการในการ “สยบความเคลื่อนไหว” ของอีกฝ่ายที่พยายามจะปั่นกระแสให้ป่วนขึ้นมา

แน่นอนว่าสำหรับใครก็ตามที่ติดตามสถานการณ์มาอย่างใกล้ชิดก็ย่อมรู้ดีว่า ภายในสองสามเดือนข้างหน้าบรรยากาศก็จะเริ่มงวดเข้ามา ทุกอย่างจะเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผลจากการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มี “มีชัย ฤชุพันธุ์” ในฐานะประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นแม่งานใหญ่ที่กำลังเริ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาสำคัญที่ต้องการขัดขวางนักการเมืองที่เคยโกงและคิดจะโกงลงสู่สนามตลอดชีวิต

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เคยย้ำชัดสั่งรื้อฟื้น 12 คดีทุจริตและอื้อฉาวในอดีตขึ้นมาพิจารณากันใหม่ รวมทั้งการหาข้อยุติว่ามีใครทำผิด มีคดีใดบ้างที่หมดอายุความหรือใกล้หมดอายุความ คดีดังกล่าวมีทั้งรัฐเป็นโจทก์และจำเลย บางคดีรัฐต้องเสียค่าชดเชยความเสียหายให้แก่เอกชน ขณะที่บางคดีก็เป็นตรงกันข้าม แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการสะสางกันให้เป็นเรื่องเป็นราวและยังคาใจประชาชนอยู่ตลอดเวลา

สำหรับ 12 คดีดังกล่าว ประกอบด้วย 1. คดีค่าทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ 2. การฟ้องร้องสถานีโทรทัศน์ไอทีวีที่ผู้ถือหุ้นฟ้องหน่วยงานรัฐเรียกค่าเสียหาย 1.4 แสนล้านบาท 3. การทุจริตบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ที่ภาครัฐต้องเสียค่าโง่กว่า 9 พันล้านบาท 4. โครงการโฮปเวลล์ หรือโครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร ที่บริษัทเอกชนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท 5. คดีโครงการทางด่วนสายบางนา-บางพลี-บางปะกง วงเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท ที่เอกชนได้ฟ้องกว่า 6 พันล้านบาท

6. คดีบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เลี่ยงภาษี 6.8 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลต้องฟ้อง 7. คดีบริษัท วอลเตอร์ บาว จำกัด ฟ้องรัฐบาลในโครงการก่อสร้างโทลล์เวย์เป็นมูลค่า 36 ล้านยูโร ฐานผิดสัญญา 8. คดีข้อพิพาท ทีโอทีกับเอไอเอส ที่มีความเสียหาย 7.2 หมื่นล้านบาท 9. คดีโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ 10. คดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในคดีการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 11. คดีของนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในคดีจีทูจี และ 12. คดีจีทูจีซึ่งมีภาคเอกชนเกี่ยวข้อง 14 ราย

อย่างไรก็ดี หากมองอีกมุมหนึ่งงานนี้ก็เหมือนกับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โยนระเบิดเข้าใส่เต็มๆ และก็ได้ผลเมื่อมีเครือข่ายของทักษิณ ชินวัตร ออกมาโวยวายกันเสียงดังลั่น กล่าวหาว่าการเขียนรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการป้องกันคนที่มีประวัติทุจริต เช่นเคยถูกศาลจำคุก รวมไปถึงคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายชี้ความผิดเกี่ยวกับคดีทุจริต เคยถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง เคยถูกยึดทรัพย์ว่ามีเจตนาทำลายหรือกีดกันไม่ให้ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคนในพรรคเพื่อไทยเข้าสู่สนามการเมือง โดยเห็นว่านี่คือการกลั่นแกล้งทางการเมือง เป็นการเลือกปฏิบัติ และขู่ให้ระวังการลุกฮือของชาวบ้านที่ไม่พอใจ รวมทั้งขู่จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หากยังมีเนื้อหาดังกล่าว

อย่างไรก็ดี สำหรับชาวบ้านส่วนใหญ่โดยเฉพาะผลจากการสำรวจความเห็นล่าสุดก็ออกมาในลักษณะการให้การสนับสนุนกับมาตรการ “ยาแรง” กับนักการเมืองทุจริต หรือการออกกฎเข้มงวดในการป้องกันการทุจริต มีเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ขัดขวางกลับเห็นว่านี่คือเครื่องมือสำหรับการกำจัดฝ่ายตรงข้ามซึ่งก็คือ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวของเขา

ดังนั้น การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หยุดการให้สัมภาษณ์ในช่วงนี้ หรือล่าสุดบอกว่าจะพูดเฉพาะเรื่องสำคัญ นั่นคือจะพูดให้น้อยลงเพื่อป้องกันความขัดแย้งบานปลาย แต่แน่นอนว่านี่คือการออกแบบวางแผนไว้แล้วจากกุนซือข้างกาย เพื่อป้องกันแรงกระเพื่อมที่อีกฝ่ายจงใจทำให้ป่วนขึ้นมา ลักษณะของเขาคราวนี้ก็ไม่ต่างจากใช้ “ความสงบสยบความเคลื่อนไหว” เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้นิ่งที่สุด เพราะเริ่มเข้าสู่โหมดตึงเครียดได้เสียมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!
กำลังโหลดความคิดเห็น