สปท.ประชุมเห็นชอบตั้ง กมธ.ยกร่างข้อบังคับการประชุม เน้นแนวทางสานงานต่อจาก สปช. พร้อมให้มี กมธ.ปฏิรูป 11 ด้าน และคณะติดตามการยกร่าง รธน. ของ กรธ. "ทินพันธุ์" เรียกร้องสมาชิกร่วมใจเป็น 1 เพื่อให้งานปฏิรูปสำเร็จ ช่วยเหลือประเทศให้ทันก่อนการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ต.ค.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้มีการประชุมโดยมี ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. ประเทศทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระ ร.อ.ทินพันธุ์ แจ้งในที่ประชุมว่า ได้แจกแบบฟอร์มให้สมาชิกลงชื่อเข้าร่วม กมธ.ปฏิรูปด้านต่างๆ ร่วมถึงขอให้สมาชิกเข้าร่วมพิธีการเปิดศูนย์สื่อสารสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
จากนั้นจึงเข้าสู่วาระการพิจารณาหารือแนวทางการทำงาน โดยกำหนดวันประชุม สัปดาห์ละ 2 วัน คือวันจันทร์ และวันอังคาร ส่วนกำหนดเวลามีการเสนอสองฝ่าย คือเริ่มประชุมเวลา 9.30 น. เนื่องจากเวลาการทำงานเพียง 20 เดือน ขณะที่มีเรื่องที่ต้องปฏิรูปจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องเร่งรีบให้เสร็จตามกำหนด ขณะที่อีกฝ่ายเสนอเริ่มประชุม 10.00 น. โดยอ้างว่ามีสมาชิกสปท.บางส่วนเป็นข้าราชการประจำอาจจะมีปัญหาไม่สามารถมาประชุมได้ทันเวลา เพราะติดภารกิจ แต่ในที่สุดที่ประชุมเห็นชอบให้มี เริ่มตั้งแต่เวลา 9.30 น. เป็นต้นไป
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงกรอบการทำงาน และ การร่างข้อบังคับการประชุม โดยมีสมาชิกแสดงความเห็นว่า การร่างข้อบังคับควรเป็นไปตามกรอบที่ตกผลึกแล้วว่าต้องการปฏิรูปเรื่องอะไรที่เร่งด่วน โดยมีกรอบเวลากำหนดไว้ชัดเจน และต้องมีการประสานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เช่น หากที่ประชุม สปท.มีมติให้มีการปฏิรูปตำรวจ รัฐบาลไม่เห็นด้วยก็ไม่มีประโยชน์ หากเรื่องไหนที่ตกผลึกแล้ว ทุกคนต้องช่วยกันขับเคลื่อนให้สำเร็จ โดยยึดการปฏิรูปเป็นตัวตั้ง เน้นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขนาดใหญ่ในเวลาที่จำกัด โดยกลไกพิเศษที่สามารถนำไปสู่วัตถุประสงค์การขับเคลื่อนให้สำเร็จคือต้องคิดว่าจะผลักดันเนื้อหาทั้ง 11 ด้านไปอย่างไร
“เราต้องจัดลำดับความสำคัญทั้ง 37 ประเด็น ที่ สปช.ดำเนินการไว้ และกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ เพราะการปฏิรูปจะสำเร็จหรือล้มเหลวอยู่ที่กระบวนการ เพราะที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนว่าแม่น้ำ 5 สายยังทำงานไม่ประสานเป็นเนื้อเดียวกัน ควรมีกระบวนการผลักดันไปหน่วยงานต่างๆ บางเรื่องที่แม่น้ำ5สายได้ผลักดันไปแล้ว สปท. ต้องตามให้ทัน ที่สำคัญ สปท.ต้องเป็นยักษ์ที่มีกระบอง ทุกคนอยากเห็นการปฏิรูปที่กินได้”
ร.อ.ทินพันธ์ กล่าวกับสมาชิกว่า สภาแห่งนี้เป็นเหมือนสภาวิชาการ มีหน้าที่หลักมีคือขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ แต่การจะขับเคลื่อนได้คือ ผู้มีอำนาจรัฐจะรับไปปฏิบัติ ต้องขึ้นอยู่กับการวิจัย และการศึกษาที่มีข้อมูลแน่นหนา ผลการศึกษาต้องออกมาเยี่ยมมากๆ ถือเป็นหัวใจสำคัญ ต้องขอบคุณสปช. ที่มีผลงานวิจันศึกษามากมายอยู่แล้ว เรานำมาพิจารณา ถ้าไปได้เลยก็ขับเคลื่อนต่อ แต่หากอันไหนเห็นว่าควรปรับปรุงก็แก้ไขดำเนินการ อยากให้สมาชิกทุกคนเชื่อมั่นในตัวตนว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาทำการศึกษาค้นคว้าเรื่องการปฏิรูปมาตลอด ตนอยากปฏิรูปให้สำเร็จ เมื่อเรารวมเป็นหนึ่งเดียว 200 คนใจหนึ่งเดียวจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้งานสำเร็จ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาประเทศให้ทันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลประชาธิปไตยตามที่มุ่งหวัง
ต่อมาที่ประชุมให้ความเห็นชอบตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างข้องบังคับการประชุม จำนวน 25 คน ประกอบด้วย นายเสรี สุวรรณภานนท์ นายวันชัย สอนศิริ นายวิทยา แก้วภราดัย นายสุชน ชาลีเครือ นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา เป็นต้น ซึ่งการยกร่างข้อบังคับการประชุมกำหนดว่าต้องแล้วเสร็จภายใน 15 วัน
พร้อมกันนี้ สมาชิกสปท.ได้หารือถึงแนวทางการร่างข้อบังคับการประชุมว่า ควรกำหนดแนวทางให้สานต่องานจาก สปช. กำหนดให้มี กมธ.ปฏิรูปฯอย่างน้อย 11 ด้าน ตามที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 กำหนดไว้ และควรให้มีคณะติดตามการร่างรัฐธรรมนูญของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ด้วย จากนั้น ร.อ.ทินพันธุ์สั่งปิดการประชุมในเวลา 13.20 น. พร้อมนัดประชุมต่อในวันที่ 20 ต.ค. ในเวลา 9.30 น.