xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กเต้” สั่งตั้งกองสงครามไซเบอร์สู้ศึกยุคใหม่ แย้มปรองดองต้องมี คปป.เข้าดำเนินการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ (แฟ้มภาพ)
ผบ.สูงสุด ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพนัดแรก สั่งทุกเหล่าทัพทำแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ตามบัญชา “ประยุทธ์” พร้อมสั่งตั้งกองสงครามไซเบอร์ ส่วนการปรองดอง ต้องมี คปป.เข้ามาดำเนินการ เล็งเชิญ กมธ.บริหารราชการแผ่นดินของ สนช.เยี่ยมกองทัพ

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (19 ต.ค.) พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 1/2559 โดยมี พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง

ก่อนการประชุม พล.อ.สมหมายได้รับการทำความเคารพจากทหารกองเกียรติยศสามเหล่าทัพ ก่อนนำคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าการสักการะพระพุทธนวรราชบพิตร ประดิษฐาน ณ ชั้น 3 และพระพุทธนวราชบรมบพิตรศักดิ์สิทธิชัยมงคลประดิษฐาน ณ ชั้น 7

พล.อ.สมหมายให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ได้ให้นโยบายให้ทุกเหล่าทัพว่าทุกเหล่าทัพมีแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี แต่ขณะนี้ก็ได้ให้จัดทำแผนยุทธศาสตร์เหล่าทัพ 20 ปี เพื่อสอดคล้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ได้บัญชาให้มียุทธศาสตร์เหล่าทัพ 20 ปี ทั้งนี้ นโยบายที่สำคัญ คือ 1. การถวายความจงรักภักดี และการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ 2. การป้องกันประเทศ การรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ พร้อมทั้ง 3. การพัฒนาประเทศ การช่วยเหลือประชาชนด้วยการบรรเทาสาธารณภัย ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายใน และต่างประเทศ

สำหรับเรื่องพิเศษที่ตนเน้นย้ำ คือ ประเด็นสงครามทางไซเบอร์ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงจัดตั้งกองสงครามไซเบอร์ พร้อมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์ไซเบอร์ของกองทัพขึ้นอีกด้วย ส่วนกองทัพรูปแบบใหม่ที่เข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2559 นั้น ในความเป็นจริงทุกกองทัพในอาเซียนมีความสัมพันธ์กันมานานแล้ว ไม่ว่าจะกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีกิจกรรมหลัก 12-15 กิจกรรม อาทิ กองทัพบก มีการแข่งขันยิงปืนอาเซียนที่ประเทศไทย และมีการประชุม ผบ.สส.อาเซียน ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยนัยสำคัญต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนนั้น ตนคิดว่าเราจะได้ประโยชน์ก็คือ ลดการเผชิญหน้ากันของกองทัพ ไม่แทรกแซงกิจการภายในต่อกัน และพยายามใช้ประโยชน์จากชาติในอาเซียน บวกกับประเทศจีน สหรัฐอเมริกา อินเดีย เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภายใต้การบริหารงานจะบูรณาการเหล่าทัพอย่างไร พล.อ.สมหมายกล่าวว่า ความจริงกองทัพบูรณาการร่วมกันมานานแล้ว เพราะมีแผนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกันของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อมั่นว่าทุกเหล่าทัพมีความแน่นแฟ้น มีความสามัคคีกันอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ยุทธศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในปีหน้าตนจะใช้บทบาทของคณะผู้บัญชาการทหารอันมี ผบ.สส. ผบ.เหล่าทัพ และมีเสนาธิการทหารเป็นเลขาธิการให้มากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่ทหารเป็นกลไกของรัฐบาล และ คสช.มองทิศทางการปรองดอง และความสามัคคีของคนในชาติอย่างไร ผบ.สส.กล่าวว่า “การปรองดองต่อไปจะมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) เกิดขึ้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญต่อการปรองดองของคนในชาติ เพราะฉะนั้นผมอยากให้ทุกคนอยู่กันอย่างสันติสุข มีความรักต่อกัน ทั้งนี้เหล่าทัพทุกคนก็มีปกติสุขในการปฏิบัติงาน เพื่อให้เกิดความปรองดองในประเทศชาติ”

ส่วนภารกิจปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จะเพิ่มความเข้มงวดอย่างไรนั้น พล.อ.สมหมายกล่าวว่า เราเข้มงวดตลอดเวลาเพราะเป็นภารกิจหลักที่เราทำ ทั้งนี้ พล.อ.สมหมายยังกล่าวถึงบทบาททหารที่เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า ตนจะเชิญ สนช.มาเยี่ยมชมกองทัพ เพราะเดิมที่เมื่อยังมีสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ก็จะมีคณะกรรมาธิการทหารอยู่ชุดหนึ่งมักมาเยี่ยมกองทัพอยู่แล้ว สำหรับ สนช.นั้น งานในด้านการป้องกันประเทศกับการทหารจะมี กมธ.บริหารราชการแผ่นดิน เพราะฉะนั้นตนอยากเชิญ กมธ.ชุดดังกล่าวมาตรวจเยียมกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อให้คำแนะนำอันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากองทัพ ขณะเดียวกันตนก็จะเชิญ ผบ.เหล่าทัพมาต้อนรับด้วย

เมื่อถามต่อว่า จุดยืนกองทัพกับรัฐบาลเป็นอย่างไรเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน พล.อ.สมหมายกล่าวว่า “ผมขอเรียนว่าเราจะให้ความสนับสนุน ให้ความร่วมมือ พร้อมทั้งปฏิบัติงานตามคำสั่ง และนโยบายของรัฐบาล และคสช. รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม”


กำลังโหลดความคิดเห็น