ผ่าประเด็นร้อน
มีการย้ำออกมาจากปากของ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่าต้องเดินตามกรอบของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 35 ที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติต้องห้ามสำหรับนักการเมือง นั่นคือ การ “ปิดประตูตาย” กับพวกที่เคยต้องคดีทุจริต ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เคยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง คนพวกนี้จะถูก “ห้ามลงสนามตลอดชีวิต”
แน่นอนว่า หากพิจารณากันแบบเผิน ๆ ก็เหมือนกับ ว่า “ล็อกเป้า” สำหรับคนบางจำพวก บางคน บางครอบครัวเท่านั้น แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน เพราะคนบางคนหรือบางครอบครัว มันก็โกง หรือที่เรียกว่า “โคตรโกง” จริง ๆ เสียด้วย เรียกว่า “โกงจนชิน” จนนับวันยิ่งแข็งแกร่งแทบแตะต้องไม่ได้
อย่างไรก็ดี ในเส้นทางปฏิรูปบ้านเมืองก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน จนกลายเป็น “กระแสหลัก” เป็นความรู้สึกร่วมของสังคมส่วนใหญ่ไปแล้ว เป็นความรู้สึกที่นำหน้าความต้องการเรื่อง “การเลือกตั้ง” ไปเสียอีก ความหมายก็คือไม่ขัดข้องหากมีการ “เว้นวรรค” การเลือกตั้งเอาไว้สักระยะหนึ่งที่ไม่นานเกินไปนัก เพื่อหันกลับมาจัดระเบียบ ปรับโครงสร้างภายในกันเสียใหม่ โดยเฉพาะการออกแบบกลไกต่าง ๆ เพื่อป้องกันการทุจริต ให้มีการถ่วงดุลอำนาจ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจเผด็จการโดยเฉพาะมีการพูดถึงเรื่อง"เผด็จการรัฐสภา”
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณากันถึงเรื่อง “คดีทุจริต” รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับ “การปฏิบัติหน้าที่มิชอบ” แล้วนำไปสู่การตัดสินจำคุกของศาล ถูกถอดถอนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองชั่วคราวในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 5 ปี สังคมก็ย่อมเพ่งมองชี้นิ้วไปที่ครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งรวมถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วย ซึ่งหากมองว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” ก็ได้ เพราะมีแต่คนในครอบครัวนี้เกือบทั้งสิ้นที่โดนคดีประเภทนี้ แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งมันก็น่าแปลกใจเหมือนกันว่าตลอดชีวิตเกือบทุกคนมีแต่เรื่องอื้อฉาว ถูกกล่าวหาแต่เรื่องทุจริตฉ้อฉลมาตลอด มันก็พิลึกเหมือนกัน ตั้งแต่ก่อนเข้าวงการเมืองได้รับสัมปทานผูกขาดก็ถูกมองว่าวิ่งเต้นกับเผด็จการทหาร ต่อมาเมื่อต่อยอดเข้าสู่วงการเมืองก็ซื้อพรรคการเมือง ซื้อ ส.ส. จนเป็นเผด็จการรัฐสภาที่ตะวันไม่ยอมเข้าใจ เพราะนี่คือการใช้ “การเลือกตั้งเป็นใบเบิกทาง” เมื่อได้อำนาจก็ต่อยอดสร้างฐานอำนาจ ใช้นโยบายประชานิยมมัดใจชาวบ้าน โดยไม่ต้องลงทุนสักบาท เพราะใช้เงินงบประมาณ หรือแม้แต่ลูก ๆ ยังมีเรื่องอื้อฉาวเรื่องโกงข้อสอบ โกงภาษี สังเกตดูว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีแต่เรื่องทุจริตแบบนี้มาอย่างต่อเนื่อง
คำถามก็คือนี่มันประชาธิปไตยประเภทไหนกันแน่ !!
อย่างไรก็ดี ที่น่าสังเกตก็คือ กระแสตื่นตัวของชาวบ้านในเรื่องการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการทุจริตของนักการเมืองก็มีสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเช่นเดียวกัน จนมีการเดินขบวนเรียกร้องให้ดำเนินการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน จนทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องประกาศให้การปราบปรามการทุจริต เป็น “วาระแห่งชาติ” รวมทั้งประกาศเรื่องการ “ปฏิรูปทุกด้าน” ออกมา
ที่สำคัญ มีการกำหนดเอาไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 ในมาตรา 35 ที่กำหนดคุณสมบัติต้องห้ามของนักการเมืองทุจริตที่ห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิต และที่ผ่านมา ประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีชัย ฤชุพันธุ์ ก็ประกาศเดินตามกรอบนี้อย่างเคร่งครัด
แม้ว่าคุณสมบัติต้องห้ามดังกล่างมีผลกระทบโดยตรงเฉพาะกับนักการเมืองทุจริต เป็นเรื่องที่ดีที่ต้องสนับสนุนกีดกันไม่ให้เข้ามา แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่คุณสมบัติแบบนี้ดันไปกระทบโดยตรงกับ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัว ซึ่งรวมทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าไปเต็ม ๆ สำหรับ ทักษิณ นั้นจบเห่ไปแล้ว นาทีนี้ไม่ต้องมาคิดเรื่องการกลับมาลงสนามการเมือง เอาเวลาไปคิดทบทวนว่ายังเหลืออีกกี่คดีที่ต้องหลบหนี และใช้เวลานานเท่าใด ขณะที่ ยิ่งลักษณ์ นั้น แม้จะมาทีหลังแต่ก็ถือว่าทุกคดีที่เจอล้วน “หนักหนาสาหัส” ทั้งสิ้น เพราะคดีอาญาและแพ่งจากโครงการรับจำนำข้าวมันเสี่ยงคุกและเสี่ยงยึดทรัพย์มากมาย
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ประกาศท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะไม่นิรโทษปรองดองกับพวกที่หลบหนีคดีเป็นอันขาด ทุกอย่างต้องเดินหน้าไปตามกระบวนการยุติธรรม
เมื่อประตูปิดตายแบบนี้ แน่นอนว่า ต้องกระทบ ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์ เข้าไปเต็ม ๆ ซึ่งก็ได้เห็นการเดินเกมสู้ ซึ่งเชื่อว่าจะเริ่ม “เข้มข้น” ขึ้นไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน และเมื่อพิจารณาจากรูปการณ์เท่าที่เห็นคาดหมายว่าจะต้องพยายามดิตเครดิตหัวขบวน คสช. คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และประเด็น “อ่อนไหว” ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมา เริ่มมีการก่อหวอดให้เห็นบ้างแล้ว โดยเฉพาะในโทนการใช้อำนาจบาตรใหญ่ รวมทั้งประเด็นในเรื่องเผด็จการสืบทอดอำนาจ
การส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวิตร ที่ใช้อำนาจทางปกครองบังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ว่าเป็นการใช้อำนาจมิชอบมารังแก
ขณะเดียวกัน ก็ได้เห็นท่าทีของแกนนำคนเสื้อแดงที่ขู่เคลื่อนไหวคว่ำร่างรัฐธรรมนูญออกมาให้เห็นเป็นระยะ เน้นเฉพาะเนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตย
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขตามกรอบของ มาตรา 35 ที่ต้องเดินตามอย่างเคร่งครัด แต่ขณะเดียวกัน นี่คือ ประตูปิดตายพวกนักการเมืองโกงไปตลอดชีวิต มันก็ทำให้เห็นถึงสถานการณ์ร้อนที่รออยู่ข้างหน้า โดยเฉพาะเครือข่ายของทักษิณ ชินวัตร ที่คงไม่มีทางปล่อยให้ออกมาบังคับใช้ง่าย ๆแน่นอน !!