“ทูตมะกันคนใหม่” ได้ฤกษ์ เข้าแนะนำตัว “รมว.ต่างประเทศ” พรุ่งนี้ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ คาดหารือจัดการประชุมการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย - สหรัฐฯ ครั้งที่ 5 ในโอกาสวาระประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ
วันนี้ (14 ต.ค.) มีรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่า ในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 10.00 น. นายกลินซ์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยคนใหม่ จะเข้าเยี่ยมคารวะ นายดอน ปรมัติถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแนะนำตัวในโอกาสที่ นายกลินซ์ เข้ารับตำแหน่งใหม่และทำความรู้จัก โดยในการพบปะกันครั้งนี้ คาดว่า จะมีการหารือกันในหลายเรื่อง โดยเฉพาะ Thai-US strategic dialogue จะเป็นการสานต่อความร่วมมือหลายด้าน ทั้งการเมือง ความมั่นคง และเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา นายดอน พร้อมด้วย นายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้พบหารือกับ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และ นายแดเนียล รัสเซิล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ที่อาคารคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ในระหว่างการเยือนนครนิวยอร์ก เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70
โดยสหรัฐฯ ได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้น และต้องการให้ไทย ในฐานะประเทศพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ให้การสนับสนุนประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การอนุรักษ์สภาพแวดล้อม การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ
ทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องถึงสายสัมพันธ์อันยาวนานระหว่าง 2 ประเทศ และยินดีที่พลวัตของความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไทยยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นไป ทั้งในกรอบทวิภาคีและกรอบพหุภาคี โดยไทยในฐานะหุ้นส่วนสำคัญของสหรัฐฯ ในอาเซียน พร้อมที่จะร่วมมือเพื่อผลักดันความร่วมมือในกรอบอาเซียน - สหรัฐฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค จึงเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย - สหรัฐฯ (Strategic Dialogue) ครั้งที่ 5 ในโอกาสแรก ซึ่งเป็นวาระของประเทศไทยที่เจ้าภาพ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะใช้การทูตสาธารณะ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และช่วยสร้างรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ยั่งยืนในอนาคต