เกาะกระแส
00 ต้องบอกว่าการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐฯระหว่างวันที่ 23-30 ก.ย.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย โดยเฉพาะท่าทีในทางบวกกลับมาจากประเทศสหรัฐฯชาติตะวันตก ที่ก่อนหน้านี้ได้ทำหมางเมินและลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตมานานนับปีแล้ว แม้ว่าคราวนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีโอกาสพบกับระดับผู้นำ แต่ในทางสัมพันธ์เชิงบวกในเวทีอื่นๆเราได้รับการต้อนรับและให้ความสำคัญค่อนข้างดี ล่าสุด รมว.ต่างประเทศ ดอน ปรมัตถ์วินัย ได้พบหารือกับรมช.ต่างประเทศสหรัฐฯและผู้ช่วยรมต.ต่างประเทศสหรัฐฯฝ่ายกิจการเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ระดับรมต.ของสหรัฐฯได้พบปะกับฝ่ายไทย ที่ผ่านมาหากจำกันได้หลังจากเกิดคสช.เป็นต้นมามีเพียงแค่ระดับผู้ช่วยรมต.ฝ่ายกิจการเอเซียตะวันออกฯเท่านั้นที่มาพูดคุย ก็ต้องถือว่าเป็นแนวโน้มทางบวก
00 อย่างไรก็ดีเมื่อรูปการณ์ออกมาแบบนี้ก็ต้องถือว่าน่าจะเป็นผลดีทั้งสองฝ่าย แม้ว่าจะรับรู้ว่าเบื้องหลังของความสัมพันธ์ดังกล่าวล้วนเป็นเรื่องผลประโยชน์ และที่สำคัญการที่สหรัฐฯหมางเมินไทยก็ทำให้ไทยต้องเข้าหาจีน รัสเซียมากขึ้นทำให้ดุลอำนาจในภูมิภาคต้องเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลชุดนี้และคสช.ไม่ได้เป็นภัยต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และนี่ต่างหากที่ทำให้ต้องหันหัวกลับมาใหม่
00 กลับมาเรื่องสำคัญภายในกันอีกครั้งสำหรับคดีโครงการรับจำนำข้าว วันที่ 30 ก.ย.เป็นที่คณะกรรมการตรวจสอบความเสียหายของกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จะสรุปตัวเลขความเสียหายทั้งหมดส่งมอบให้กับ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกม.เพื่อจะส่งต่อให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเพื่อพิจารณาดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายตามขั้นตอนต่อไป แต่ที่ผ่านมาก็ได้สรุปคร่าวๆเอาไว้เบื้องต้นแล้วว่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ที่จะต้องให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าเสียหายในฐานะอดีตนายกฯที่ละเว้นหน้าที่ไม่ระงับยับยั้งทำให้บานปลาย ดังนั้นหากไม่มีอะไรผิดพลาดวันพรุ่งนี้(30 ก.ย.)ก็น่าจะทราบตัวเลขกันแล้ว !!
00 ที่น่าสนใจก็คือก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มอบหมายให้ทนายความไปฟ้องอัยการสูงสุดกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ อ้างว่ารีบร้อนฟ้องเธอในคดีจำนำข้าวทั้งที่เอกสารหลักฐานยังไม่สมบูรณ์ ก็ว่ากันไปตามสิทธิ์ตามที่พอใจแล้วกัน แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไปทุกคดีที่คนในครอบครัวนี้ฟ้องร้องหรือใช้แง่มุมทางกม.เช่นแย้งว่า"ศาลไม่มีอำนาจพิจารณาคดี" หรือ"ที่มามิชอบ"สุดท้ายก็แพ้ทุกที !!
00 คดีวางระเบิดที่แยกราชประสงค์และสะพานสาทรมีคสามคืบหน้าไปเรื่อยๆ ล่าสุดมีการตั้งโต๊ะแถลงชุดใหญ่มีผบ.ตร.พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร.พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผบ.ชน.พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รวมทั้งชุดสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม แม้ว่าคดีคืบหน้าไปแบบงงๆกันพอสมควร มีตัวละครเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมจนหลังๆชักจะจำกันไม่ได้แล้วว่าใครเป็นใครเพราะทับซ้อนกันจนเวียนหัว แต่เอาเป็นว่าล่าสุด พล.ต.อ.สมยศ และทีมงานที่ทำคดีได้เปิดเผยชื่อผู้ต้องสงสัยรายใหม่เพิ่มเติมเข้ามาคือ "อ๊อดลึกลับ" ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับ"การเมืองในประเทศ"เพราะผู้ต้องหารายนี้เคยถูกจับกุมมาแล้วถึง 9 ครั้งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่"สมานเมตตาแมนชั่น"ย่านนนทบุรี เมื่อปี 53 และที่หอพักมีนบุรีเมื่อปี 57
00 อย่างไรก็ดีเมื่อมีความก้าวหน้าในปัจจุบัน แต่ก็มีคำถามตามมาถึงตำรวจก่อนหน้านี้ว่าในเมื่อ "นายอ๊อด"คนนี้ถูกจับได้ถึง 9 ครั้ง เกี่ยวข้องกับคดีร้ายแรงถึงสองคดี แต่ทำไมถึงได้"ลอยนวล"มาจนถึงบัดนี้ อีกทั้งยังเป็นคนที่ไม่มีบัตรประชาชน ไม่มีข้อมูลใดๆเลย เออพิลึกคนจริงๆ ด้วยเหตุนี้แหละอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้สังคมถึงได้"ระแวง"มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพฤติกรรมหลายอย่างมันส่อให้เห็นอยู่เรื่อยๆเสียด้วย !!
00 อย่างไรก็ดีเมื่อคดีมีความเชื่อมโยง มีตัวละครเก่าๆเข้ามาร่วม มันก็มีโอกาสที่เชื่อมโยงกับการเมืองภายในดังที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ที่เหลือเวลานั่งในเก้าอี้ไม่กี่ชั่วโมง ได้แย้มให้เห็น ดังนั้นก็เป็นไปได้ว่า"ความเชื่อ"เดิมก่อนหน้านี้ว่าเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์และสาทรน่ามี"คนไทยบงการ"น่าจะถูกต้องมากขึ้น !!
