เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย ปรากฏตัวเคียงข้าง มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ที่สำนักงานใหญ่เฟซบุ๊กในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.ย.) โดยกล่าวยกย่องโซเชียลมีเดียว่าเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่งต่อแวดวงการเมืองในยุคนี้
บรรดาแขกในงานซึ่งมีเฉพาะผู้ที่ได้รับบัตรเชิญเท่านั้นต่างลุกขึ้นปรบมือและรัวชัตเตอร์เก็บภาพ ขณะที่ โมดี เดินเคียงคู่ไปกับ ซักเกอร์เบิร์ก
“ผมขอบอกกล่าวไปถึงผู้นำทั่วโลกว่า ท่านจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยหากยังปฏิเสธสื่อสังคมออนไลน์” ผู้นำอินเดียซึ่งให้ความสนใจด้านเทคโนโลยีเป็นพิเศษ กล่าวบนเวทีเสวนาในสไตล์ถาม-ตอบ
“สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบันมีอิทธิพลถึงขนาดบอกให้รัฐบาลทราบได้ว่าพวกเขากำลังดำเนินนโยบายผิดทางซึ่งทำให้ผู้บริหารประเทศมีโอกาสแก้ตัวได้ทัน”
“ถ้าคุณรู้จักใช้มัน คุณก็จะได้รับประโยชน์ เพราะเวลานี้เราต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์” โมดี วัย 65 ปี ซึ่งมีแฟนคลับในเฟซบุ๊กมากถึง 30 ล้านคน และโพสต์ทวิตเตอร์หลายครั้งต่อวันกล่าว
นายกฯ โมดี ใช้เวลา 1 ชั่วโมงของการเสวนาเพื่อโปรโมตโครงการ “ดิจิตอล อินเดีย” และแสดงให้เห็นว่าอินเดียเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการลงทุน
อย่างไรก็ตาม โมดี และ ซักเกอร์เบิร์ก ยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว โดยซีอีโอเฟซบุ๊กได้ชี้ไปยังบิดามารดาของตนซึ่งนั่งอยู่ในกลุ่มผู้ฟังด้วย พร้อมถามถึงมารดาของนายกฯ อินเดียว่าเป็นอย่างไรบ้าง
มารดาของ โมดี เวลานี้อายุล่วงเลยกว่า 90 ปี ส่วนบิดาของเขาก็เสียชีวิตไปแล้ว
ผู้นำอินเดียเล่าว่า ตนมาจากครอบครัวที่ฐานะยากจน และสมัยเด็กๆ เคยทำอาชีพขายชาอยู่ที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง
“เป็นเรื่องยากจะจินตนาการได้ว่า วันหนึ่งคนขายชาจะกลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศประชาธิปไตยขนาดใหญ่ที่สุดในโลก... สมัยที่เรายังเด็ก เรามักจะไปรับจ้างเพื่อนบ้านล้างจาน ตักน้ำ ทำงานหนักสารพัด.. คุณคงพอนึกออกว่า คนเป็นแม่จะต้องทำอะไรบ้างเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ให้เติบโต” โมดี กล่าว
ด้าน ซักเกอร์เบิร์ก ก็เปิดประเด็นสนทนาด้วยการเล่าเหตุการณ์เมื่อราวๆ 10 ปีก่อน ตอนที่เฟซบุ๊กกำลังผ่านช่วงเวลายากลำบาก ถึงขั้นที่เขาคิดจะขายกิจการทิ้ง
ซีอีโอเฟซบุ๊กเล่าว่า เขาได้ไปขอคำปรึกษาจาก “สตีฟ จ็อบส์” หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท แอปเปิล ซึ่งแนะนำให้เขาเดินทางไปที่วัดหลายแห่งในอินเดีย
“ผมก็ไป และใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 1 เดือน... ผมได้เห็นผู้คนมากมาย ได้รู้ว่าพวกเขาติดต่อสัมพันธ์กันอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำอยู่ และเป็นสิ่งที่ผมจดจำตลอดมา”
ผู้นำอินเดียได้เอ่ยถึงความปรารถนาที่จะทำให้ทุกๆ หมู่บ้านของอินเดียเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตด้วยเครือข่ายไฟเบอร์อ็อพติก และสนับสนุนความเท่าเทียมสำหรับผู้หญิงในอินเดีย
“การบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจคงทำไม่ได้ ตราบใดที่ประชากร 50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศยังถูกขังเอาไว้ในบ้าน”
โมดี ยังเอ่ยแบบติดตลกว่า ในขณะที่หลายศาสนาของโลกบรรยายภาพเทวดาต่างๆ เป็นเพศชายเสียส่วนใหญ่ แต่อินเดียไม่เคยขาดแคลน “เทวนารี”
“สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องทำให้สำเร็จ คือเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มีส่วนตัดสินใจในเรื่องต่างๆ”
นายกฯ อินเดียได้เดินทางไปทัวร์ “ซิลิคอน แวลลีย์” ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกบริเวณตอนใต้ของพื้นที่อ่าวซานฟรานซิสโก ก่อนจะเดินทางไปเข้าประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก และพบปะกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในวันนี้ (28 ก.ย.)