เอเอฟพี - เวียดนาม ได้เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญในวันนี้ (21) ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ที่จัดขึ้นทุก 5 ปี เพื่อเลือกผู้นำคนใหม่ที่จะเผชิญต่อความท้าทายหลากหลาย ตั้งแต่ความขัดแย้งทางทะเลกับจีน ไปจนถึงการปฏิรูปเศรษฐกิจ
ต่อหน้าผู้แทนพรรคมากกว่า 1,500 คน ท่ามกลางพิธีที่จัดอย่างเอิกเกริก ประธานาธิบดีเจื่อง เติ่น ซาง ได้กล่าวเปิดการประชุมที่จัดขึ้นในกรุงฮานอย ซึ่งจะดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังประตูที่ปิดสนิท
พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ที่ปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี 2518 จะสับเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำระดับสูง โดยสมาชิก 10 ใน 16 คน ของกรมการเมืองพรรค ที่รวมทั้งเลขาธิการใหญ่พรรค ประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี ในทางเทคนิคแล้วต้องออกจากตำแหน่ง
การประชุมสมัชชาพรรคถูกมองว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยมของพรรค ที่ถูกมองว่ามีความใกล้ชิดกับปักกิ่ง และฝ่ายนักปฏิรูป ที่มีความทันสมัยกว่า เช่น นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง
ยวุ๋ง ที่รับผิดชอบต่อการนำพาเวียดนามเข้าร่วมองค์การค้าโลกและข้อตกลงการค้า TPP นักวิเคราะห์มองว่า จะเป็นการเลื่อนไปสู่ตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ที่ทรงอำนาจ ที่จะกลายเป็นหัวหน้าพรรค
แต่ เหวียน ฝู จ่อง ที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าว และถูกมองว่ามีความอนุรักษนิยมมากกว่า ได้ใช้กลยุทธ์ที่จะขยายระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งของตัวเอง และดูเหมือนจะได้ชัยชนะ
“เส้นทางของสังคมนิยมยังคงเป็นสิ่งที่เหมาะสมต่อความเป็นจริงในเวียดนาม” เหวียน ฝู จ่อง กล่าวในการเปิดการประชุมวันนี้ (21)
เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์อาวุโสรายหนึ่ง กล่าวว่า ขณะที่ยังไม่มีอะไรแน่นอน นายกรัฐมนตรีเองก็ดูเหมือนจะอยู่บนทางออก
“อาชีพทางการเมืองของเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง สามารถประกาศได้ว่าสิ้นสุดลงแล้ว” เจ้าหน้าที่คนเดิม กล่าว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า จะเป็นข่าวร้ายสำหรับฝ่ายหัวสมัยใหม่
คาร์ล เธเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวียดนาม ระบุว่า ด้วยการกำกับของยวุ๋ง ประเทศจะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในประเด็นต่างๆ เช่น การปฏิรูปตลาด ข้อตกลงการค้าเสรี และความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ
ยวุ๋ง ยังถูกมองว่ามีความเปิดเผยตรงไปตรงมามากกว่าในประเด็นขัดแย้งทางทะเลกับจีน ที่ในสัปดาห์นี้จีนได้เคลื่อนแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้าไปในน่านน้ำที่เวียดนามอ้างสิทธิอธิปไตย
“จีนยังคงเดินหน้ากดดันผู้นำเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงก่อน และระหว่างการประชุมสมัชชาพรรค” นักการทูตเวียดนามเกษียณราชการที่ใช้เวลา 14 ปี ที่สถานทูตในกรุงปักกิ่ง กล่าว
จีน เคลื่อนแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้าไปในน่านน้ำพิพาทครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2557 ที่ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วง และเหตุจลาจลในเวียดนาม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และทำให้เวียดนามขยับเข้าใกล้อดีตศัตรูสงครามอย่างสหรัฐฯ มากขึ้น
การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคจะรับรองแผนด้านเศรษฐกิจในระยะ 5 ปี ในความพยายามที่รักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวเกือบ 7% ต่อปี ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเข้มแข็งที่สุดของเอเชีย
ด้วยข้อตกลงทางการค้าต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งข้อตกลง TPP ที่นำโดยสหรัฐฯ ผู้เชี่ยวชาญ และนักลงทุนต่างชาติกำลังเรียกร้องให้ผู้นำเวียดนามเร่งดำเนินการปฏิรูปในภาคส่วนที่ยังมีปัญหา รวมทั้งการยกเครื่องภาคธนาคาร และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ.