xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กป้อม” ชี้ รธน.ต้องมีกลไกไม่ให้ทางตัน ปัดใช้ ม.44 คดี “ปู” คสช.ไม่เล่นการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม(แฟ้มภาพ)
“ประวิตร” ถกจัดงาน Bike for Dad เฉลิมพระเกียรติในหลวง มีกิจกรรมคู่ขนาน ตจว.-ตปท. ไม่ทราบปม คปป.ใน รธน. รับต้องมีกลไกไม่ให้ทางตัน หวังเลิกปฏิวัติ การเมืองแก้กันเอง ปัดใช้ ม.44 คดี “ยิ่งลักษณ์” ย้ำฟังศาล นายกฯ คนนอกโยน ปชช.ตัดสิน ลั่นคน คสช.ไม่เล่นการเมือง ชี้แม่น้ำทุกสายต้องเดินตามโรดแมป ป้องกองทัพไม่มีอะไร สอบป่วนบ้าน “มีชัย” ขออย่าห่วงแก้ปัญหาการบิน หวังตรวจผ่าน

วันนี้ (14 ต.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการฝ่ายลงทะเบียนผู้เข้าร่วมกิจกรรมและจัดขบวนจักรยาน “Bike for Dad” ภายหลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 โดยคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานลงนามแต่งตั้งฝ่ายต่างๆ รับผิดชอบงาน เพื่อให้การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนงานที่กำหนด ในส่วนของคณะกรรมการฝ่ายลงทะเบียนผู้เข้าร่วมกิจกรรมจัดขบวนจักรยาน และฝ่ายรักษาความปลอดภัย และการจราจรนั้นถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมครั้งนี้ โดยรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบดำเนินการ โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้แทนกระทรวง ทบวง กรมและหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมเพื่อเตรียมการในกิจกรรม “Bike for Dad” ว่า วันนี้เป็นการประชุมเรื่องการดูแลความปลอดภัย การจัดการจราจร และการจัดรูปแบบขบวนจักรยานในกิจกรรม “Bike for Dad” โดยรูปแบบจะคล้ายกับกิจกรรม “Bike for Mom” ที่ผ่านมา สำหรับรายละเอียดนั้นจะต้องหารือในที่ประชุมร่วมกันอีกครั้ง โดยระยะทางการจัดกิจกรรมประมาณ 29 กิโลเมตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกิจกรรมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 11 ธ.ค. 58 โดยกำหนดเส้นทางการปั่นจักรยานในพื้นที่ กทม. ระยะทางรวม 29 กิโลเมตร เริ่มตั้งแต่พระลานพระราชวังดุสิต แยกหมอเล็ง ประตูน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สวนลุมพินี ถ.เยาวราช สะพานพุทธฯ วงเวียนใหญ่ หอประชุมกองทัพเรือ แยกศิริราช สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถ.ราชดำเนินนอก พระราชพระราชวังดุสิต สำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดได้จัดกิจกรรมในวันและเวลาเดียวกันทั่วประเทศที่มีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบด้วยการจัดขบวนจักรยานจตุรทิศจากตัวแทนทุกจังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละ 100 คน รวม7,600 คน มารวมตัวกันที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงในเวลา 15.00 น. วันที่ 11 ธ.ค. 58 ส่วนการจัดกิจกรรมในต่างประเทศ ประชาชนชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศกว่า 50 ประเทศจะร่วมจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติโดยมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบ

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จำเป็นต้องมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและปรองดองแห่งชาติ (คปป.) เพื่อแก้ปัญหาความแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่า ต้องรอดูนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร ซึ่ง คปป.จะมีหรือไม่นั้นตนยังไม่ทราบ แต่มองว่าต้องมีกลไกที่ทำให้ไม่ถึงทางตัน และต้องเดินต่อไปในอนาคตได้ เพราะเราไม่อยากให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก ตนอยากให้ทุกเรื่องจบสักที และอยู่กันอย่างเป็นสุขดีกว่า ไม่มีใครอยากเป็นใหญ่ทั้งนั้น รวมถึงตนด้วย ส่วนที่คสช.และรัฐบาลเข้ามาก็เพื่อแก้ไขปัญหา เนื่องจากอยากให้ประชาชนมีความสุขและขอให้เลิกขัดแย้งกัน ดังนั้นทางการเมืองเราต้องคิดดูให้ดีว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าให้ได้ ตนขอให้ทุกคนช่วยกันคิดและอย่าให้มีทางตัน

เมื่อถามว่าเป็นเจตนาที่ดีใช่หรือไม่ที่จะให้มี คปป. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องของ กรธ. เมื่อตั้งมาแล้วก็ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไร เพราะเราไม่อยากให้มีทางตันเกิดขึ้น

“ผมขอพูดตรงๆ ว่าขอให้จบเสียทีเรื่องการปฏิวัติต่างๆ น่าจะพอกันได้แล้ว ต่อไปปัญหาทางการเมืองก็ต้องแก้ไขกันเอง ตามความคิดของผมอยากให้เป็นแบบนั้น คิดว่าทุกคนก็คงคิดแบบผมเหมือนกัน ทั้งนี้เป็นเจตนาของ คสช.ที่ไม่อยากเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้น คนแพ้ก็ต้องยอมรับว่าแพ้ คนชนะก็ว่ากันไป ไม่ใช่ว่าแพ้แล้วก็ออกมา เพราะประชาชนที่ไม่รู้เรื่องก็จะเสียหายด้วย” พล.อ.ประวิตรกล่าว

เมื่อถามว่ามองว่าคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเป็นการจุดประเด็นให้เกิดความไม่พอใจ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทุกอย่างเดินไปตามกลไกของรูปคดีและตามกฎหมาย เพราะรัฐบาลเองไม่ได้ไปแกล้ง หรือดำเนินการใดๆ เพราะจะไปสั่งศาลได้อย่างไร ทั้งนี้ศาลก็ต้องว่าไปตามหลักกฎหมาย ถ้าประเทศชาติจะอยู่ได้ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ยืนยันว่านายกฯไม่ใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เข้ามาดำเนินการอย่างแน่นอน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทำถึงตน เมื่อเขียนถึงนายกฯ ก็ให้นายกฯ พิจารณา

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการพูดถึงเรื่องนายกฯ คนนอกนั้นมองอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับประชาชน หลังจากร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก็ต้องทำประชามติว่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ส่วนจะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบและตอบไม่ได้ เพราะต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะเป็นคนใน คสช.เข้ามาเป็นนายกฯคนกลางนั้น ตนยืนยันว่าไม่มีคนใน คสช.เล่นการเมืองอย่างแน่นอน รวมถึงนายกฯ และตนด้วย ตนไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้อย่าลืมว่านายกฯ คนนอก คนที่เลือกมาคือ ส.ส.ไม่ใช่ใครจะเชิญเข้ามาก็ได้ ตนมองว่าถ้าเป็นปกติแล้วเขาจะเลือก คสช.เข้ามาหรือไม่ เรื่องนี้ทำไว้เพื่อป้องกัน หากเกิดวิกฤตขึ้นมาอีก เพราะไม่อยากให้มีปัญหาอีกในอนาคตต่อไปอีกแล้ว

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ขณะนี้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “เราต้องดำเนินตามโรดแมปให้ได้ เพราะ คสช.ได้กำหนดชัดเจนแล้ว จะดีหรือไม่ดีอย่างไรผมตอบไม่ได้ แต่ทุกหน่วยงานและแม่น้ำทุกสายต้องเดินทางโรดแมป คสช.ให้ได้ คสช.อยู่อีก 20 เดือนอย่างช้าที่สุด ถ้าเร็วขึ้นก็ต้องว่ากันไป อยู่ไปก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร ขอพอแล้ว คสช.แก้ไขปัญหาทุกอย่างที่มีมากมาย เพราะเราเข้ามาแล้วก็ต้องทำงาน เราเหนื่อยกันทุกคน ทั้งนายกฯ และผม แต่เราพยายามทำให้ดีที่สุดและโปร่งใส ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆ เพราะขนาดไม่ยุ่งยังโดนใส่ทุกวัน เขียนข้อความกันมาในไลน์ อะไรกันหนักหนา ทุกเรื่อง ผมดูแล้วไม่เห็นจะมีเรื่องจริง ไม่เชื่อไปอ่านในไลน์ดู ส่วนกองทัพไม่มีอะไร ไม่ห่วง แต่ห่วงเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินที่พูดกันไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีความจริงสักเรื่อง เขียนกันไปได้ว่าคนนั้นไปทะเลาะกัน เป็นพวกคนนั้น ผมไม่เข้าใจ ผมอยู่ตรงนี้ไม่เห็นมีอะไร แต่เอาผมเข้าไปเป็นตัวละครมากมาย ขนาดอยู่เฉยๆ ทำงานอย่างเดียวก็จะตายอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่าในขณะนี้ยังมีการก่อกวนอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็อาจจะมีอยู่บ้างแต่จะพยายามชี้แจงทำความเข้าใจ ที่ผ่านมาทุกคนก็เข้าใจดี เพราะอยากให้ประเทศสงบและเดินหน้าต่อไปได้ แต่เรื่องความขัดแย้งทางการเมืองต่างๆ ยังมีอยู่ก็ไม่ว่าอะไร เราก็ดำเนินการกันต่อไป แต่อย่าไปก่อให้เกิดความไม่สงบเกิดขึ้น เมื่อถามย้ำว่ายังมีคนก่อกวนไปตัดไฟบ้านนายมีชัย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดทีมงานของตนไปดูเรื่องดังกล่าวแล้ว และกำลังพิจารณาว่าเกิดจากสาเหตุใด ตอนนี้ให้ฟันธงนั้นยังไม่ได้ แต่ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจัดทีมงานลงไป จะเป็นการข่มขู่หรือไม่ตนไม่ทราบและยังตอบไม่ได้ หากตอบไปจะผิดพลาด ขอเวลาในการตรวจสอบ

พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อถึงกรณีการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนว่า การแก้ไขปัญหาทางด้านองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) นั้น ทางสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (เอฟเอเอ) จะเข้ามาตรวจ โดยทาง พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.) ได้เข้ามาช่วยกรมการบินพลเรือนในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อยู่ และกำลังดำเนินการด้านกฎหาย โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ตั้งคณะทำงานต่างไปมากมายแล้ว โดยเฉพาะการตั้ง ศบปพ.เข้ามาแก้ไขปัญหา เราต้องทำให้เร็วและเชื่อว่าจะดีขึ้นตามลำดับไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ เรารู้ว่าถ้าเขามาตรวจแล้วเราไม่ผ่านจะทำให้เกิดความเสียหาย ไม่สามารถนำเครื่องบินบินไปฝั่งยุโรปได้ ขณะนี้ทางผบ.ทอ.ค่อนข้างมั่นใจว่าจะดำเนินการให้ดีที่สุด สำหรับสายการบินที่ยังดำเนินการไม่ถูกต้องในเรื่องดังกล่าว ต้องให้กรมการบินพลเรือนเป็นผู้ดูแลและทำตามกฎระเบียบอย่างเต็มที่ ขณะนี้เราพยายามตั้งที่ปรึกษาในส่วนต่างๆ เข้ามาช่วยการแก้ไขปัญหาจำนวนหลายคน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมายสากลและการทำตามระเบียบ ตนอยากให้เราแก้ไขปัญหาผ่าน


กำลังโหลดความคิดเห็น