อดีต คตส.สวนลิ่วล้อเพื่อแม้วจำนำข้าวให้รัฐผูกขาดอยู่นอกนโยบายแห่ง รธน. เจ๊งต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย อ้างนโยบายผ่านสภาไม่ได้ ป้องนายกฯ ทำตามกฎหมาย ฉะขี้ข้าบิดเบือนไม่รู้ถูกผิด ยันรอผลคดีอาญาก่อนไม่ได้ ชี้จุดตัดสินนายกฯ แยกออกหรือไม่จินตนาการปรองดองกับเรื่องจริงที่ต้องทำตามกฎหมาย
วันนี้ (13 ต.ค.) นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. และนายชวลิต วิชัยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาโจมตีรัฐบาลที่ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียในโครงการรับจำนำข้าวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า โครงการจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นการให้รัฐเข้าไปผูกขาดค้าข้าวซึ่งอยู่นอกแนวนโยบายแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ เมื่อขาดทุนก็ต้องถือเป็นความเสียหาย ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ จะอ้างว่าเป็นนโยบายที่ผ่านสภาแล้วต้องมีเอกสิทธิ์ถือเป็นผิดไม่ได้เลยนั้นไม่ถูกต้อง แม้จะชนะเลือกตั้ง แม้จะผ่านสภา แต่ถ้าเป็นนโยบายเถื่อนนอกรัฐธรรมนูญและขาดทุนต้องถือเป็นความเสียหาย ที่คนรับผิดชอบต้องตรวจสอบความรับผิดและใช้ค่าเสียหายเสมอ โดยกรณีนี้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเป็นระดับรัฐมนตรี กฎหมายกำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการโดยพลัน ถ้าไม่สั่งการก็โดนมาตรา 157 ถ้าปล่อยจนขาดอายุความ พล.องประยุทธ์ ก็ต้องชดใช้เงินเป็นแสนล้านแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์
“ส่วนที่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำไปโดยมุ่งกำจัดทางการเมือง ถือเป็นเรื่องไม่ชอบธรรมที่นายกฯ ยึดอำนาจที่จะกระทำต่อนายกฯ ที่ถูกยึดอำนาจ นี่ถือว่าได้ทำหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ไม่ใช่การใช้อำนาจรัฐประหาร แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ พล.อ.ประยุทธ์ก็ติดคุกเองใช้ค่าเสียหายเอง จะเป็นนายกฯ มาจากเลือกตั้งหรือรัฐประหารก็ต้องทำหน้าที่นี้ทั้งนั้น ขี้ข้าเหล่านี้จะไปบิดเบือนให้เป็นเรื่องการเมืองไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่รู้จักผิดรู้จักถูก ไม่รู้จักการทำหน้าที่ตามกฎหมาย โลกในสายตาคนพวกนี้มีแต่การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพวกเขาพวกเราเท่านั้น”
เมื่อถามว่า หากมีการฟ้องร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อศาลอาญา ต้องรอผลคดีอาญาก่อนหรือไม่ อดีตกรรมการ คตส.กล่าวว่า ไม่สามารถรอได้ เพราะอายุความเรื่องละเมิดเดินหน้าไปตลอดเวลา นอกจากนี้ มูลคดีละเมิดก็เป็นเรื่องประมาทเลินเล่อร้ายแรง เล็งเห็นความเสียหายเป็นแสนล้านบาทที่งอกเงยทุกวันแล้วไม่ยอมหยุดหรือปรับแก้โครงการ ไม่ใช่เรื่องการทุจริตเหมือนในคดีอาญา จะให้รอเพื่ออะไร อย่างไรก็ตาม หากเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ผิดก็อุทธรณ์ต่อศาลปกครองให้รอผลคดีอาญาได้ ไม่ควรมาพูดโจมตีให้รัฐบาลผิดไปหมดทุกอย่าง
“คดีนี้เป็นจุดชี้ขาดที่สำคัญมากว่านายกฯ จะรู้จักแยกออกหรือไม่ ระหว่างจินตนาการที่ท่านมุ่งมั่นเอาเองว่าจะเป็นกรรมการปรองดอง กับเรื่องจริงๆ ที่เดินมาเป็นรัฐบาลแล้ว ต้องทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองชี้ถูกผิดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จะผิดถูกอย่างไรก็ต้องชี้ไปตามเหตุผล ผิดไม่ผิดก็อธิบายมา ไม่ต้องกลัวเสียงสะท้อนจากใครทั้งสิ้น” นายแก้วสรรกล่าว