สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องผู้ตรวจการฯ สอบจริยธรรม “ประยุทธ์-วิษณุ” ตั้งเครือญาติและบุคคลที่เคยร่วมอาชีพเดียวกันเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ เข้าข่ายเลือกปฏิบัติ มีผลประโยชน์ทับซ้อน
วันนี้ (13 ต.ค.) สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมฯ พร้อมคณะ เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายธาวิน อินทรจำนงค์ รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบจริยธรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งเครือญาติและบุคคลที่เคยร่วมอาชีพเดียวกันเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ (สปท.) เข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติ มีผลประโยชน์ทับซ้อนและขัดกันแห่งผลประโยชน์
นายศรีสวุรรณกล่าวว่า ในรายชื่อสมาชิก สปท.200 คนที่นายกฯ ได้ประกาศแต่งตั้งเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีบุคคลที่เป็นเครือญาติของนายวิษณุที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องกฎหมายและการยุติธรรม คือ พล.อ.ต.เฉลิมพล เครืองาม และนายดุสิต เครืองาม ทั้งสองคนเป็นพี่สองร่วมสายโลหิตเดียวกับนายวิษณุ ขณะเดียวกัน พบว่านายกฯ มีการแต่งตั้งุบคคลที่มีอาชีพหรือเคยมีอาชีพเดียวกับตนเองคือนายทหาร หรือตำรวจในและนอกราชการมาเป็นสมาชิกจำนวนถึง 77 คน หรือมากกว่า 38.5% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ทั้งที่ในข้อเท็จจริงสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศควรประกอบไปด้วยบุคคลที่มีความหลากหลายอาชีพ มากกว่าจะเป็นพี่น้องหรือคนกันเอง จึงถือว่าพฤติกรรมดังกล่าวของรองนายกฯ และนายกฯ ในฐานะผู้ใช้อำนาจแต่งตั้ง ไม่ได้ใช้วิจารณญาณในการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลตามระบบคุณธรรม จริยธรรมที่กฎหมายกำหนด เข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อนและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันโดยใช้อำนาจทางกฎหมายเสนอ แต่งตั้งุบคคลใกล้ชิดตนขึ้นมารับตำแหน่งกินเงินเดือน และรับผลประโยชน์ตอบแทนอื่นจากรัฐ ส่อขัดจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาตรา 13 (2) พ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการเมือง 2551 จึงขอให้ผู้ตรวจฯ ดำเนินการตรวจสอบหากพบว่าเป็นกรณีฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงขอให้ดำเนินการส่งเรื่องให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราาบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมาย ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลแลประโยชน์ส่วนรวม เพื่อนำไปสู่การถอดถอนต่อไป