“พรเพชร” ยังยึกยัก นั่งถ่างขาผู้ตรวจการฯ-ประธาน สนช. รับมีผลประโยชน์ขัดกันแต่ขอชั่งน้ำหนักก่อน ส่วนการถอดถอนอดีต ส.ส.และ ส.ว.ต้องขอศึกษาข้อกฎหมาย รับมีชื่อนายกฯ อยู่ในใจแล้วแต่โหวตไม่ได้ ปัดเป็นเด็ก คสช.ทำให้เสียงโหวตนั่งเก้าอี้ประธานฯ เป็นเอกฉันท์ อ้าง สนช.ต้องการแสดงความเป็นเอกภาพ พลิ้วไม่เคยเป็นที่ปรึกษาหัวหน้า คสช.เพราะไม่มีคำสั่งแต่งตั้ง ยันไม่ร่วมร่าง รธน.ฉบับใหม่
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการทำงานของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่าเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย คือจะเป็นเรื่องพิจารณากฎหมาย หลังจากนี้ต้องรอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตนเป็นประธานก่อน จากนั้นจะดำเนินการเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี แต่คงยังไม่สามารถกำหนดเวลาได้ ส่วนการพิจารณาในเรื่องอื่นก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
สำหรับกฎหมายที่ค้างในสภาชุดที่แล้วเป็นเรื่องที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะต้องพิจารณาว่าจะนำฉบับไหนมาพิจารณาหรือไม่ อย่างไร และหาก คสช.มีกฎหมายที่ต้องการเร่งรัดก็สามารถเสนอมาที่ สนช.ได้ โดยเท่าที่ทราบมีมากกว่า 100 ฉบับ แต่ทาง สนช.ก็จะมีวิปในการพิจารณาด้วย ส่วนประเด็นการถอดถอนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลมาแล้วและค้างการพิจารณาของ ส.ว.อยู่นั้น ตนยังไม่ได้ดูในรายละเอียด แต่การทำหน้าที่ของ สนช.ก็ต้องมีกฎหมายรองรับ เหมือนเช่นการสรรหากรรมการตุลาการก็มีกฎหมายบัญญัติอยู่ว่าให้ ส.ว.ให้ความเห็นชอบ สนช.ก็ทำหน้าที่ได้ แต่ในกรณีการถอดถอนตามกฎหมาย ป.ป.ช.ก็ต้องดูในกฎหมายนั้นว่าไว้อย่างไร ในขณะนี้คงยังตอบไม่ได้ อย่างไรก็ตามคงจะมีการพิจารณาเรื่องเหล่านี้อย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่มีกฎหมายระบุเกี่ยวกับการถอดถอน หลังจาก ป.ป.ช.ส่งเรื่องมาจะดำเนินการได้หรือไม่ เนื่องจากกระบวนการถอดถอนตามคำชี้มูลของ ป.ป.ช.ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ยกเลิกไปแล้ว นายพรเพชรกล่าวว่า คงยังไม่สามารถบอกได้ในขณะนี้ ต้องศึกษารายละเอียดก่อน แต่ตามหลักคือ เราต้องทำตามบทบัญญัติกฎหมายทั้งช่องทางเข้า และการถอดถอน เช่น ช่องทางเข้าในเรื่องการสรรหา หากไม่มีกฎหมายกำหนด สนช.ก็ทำหน้าที่ไม่ได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่าในรัฐธรรมนูญชั่วคราวไม่มีการเขียนเรื่องการกระบวนการถอดถอนไว้ ซึ่งเป็นไปตามปกติ เพราะไม่สามารถเขียนได้ทุกเรื่อง เพราะแต่ละเรื่องจะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้อยู่แล้วว่าเรื่องใดที่ต้องให้สมาชิกรัฐสภาเห็นชอบ หากมีการบัญญัติไว้เช่นนี้ สนช.ก็สามารถทำได้
นายพรเพชรยังกล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อให้ตรวจสอบการแต่งตั้ง สนช.ว่าอาจจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 7 เนื่องจากขาดความหลากหลายเพราะกระจุกตัวเฉพาะกลุ่มนายทหารว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาตรา 45 กำหนดเกี่ยวกับเรื่องที่จะส่งให้ศาลรัฐรรมนูญวินิจฉัยได้นั้นจะต้องเป็นบทบัญญัติของกฎหมายที่มีข้อสงสัยว่าอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ การจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่ขัดรัฐธรรมนูญเท่านั้น ดังนั้น กรณีของนายศรีสุวรรณจึงต้องดูว่ามีอำนาจยื่นหรือไม่ ในเรื่องนี้ยังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของ สนช. แต่ตนมีสองสถานะคือเป็นทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน และเป็น สนช.ด้วย ในส่วนการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดินในเรื่องนี้ตนก็จะไม่ไปร่วมพิจารณาด้วยเพราะเข้าใจดีว่าจะมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีความคิดที่จะลาออกจากตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งระหว่างผู้ตรวจการแผ่นดินกับ สนช. เพราะในชีวิตการทำงานตนมีหลายตำแหน่งมาโดยตลอด แต่การทำงานหลายตำแหน่งก็ต้องไม่ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย ยืนยันว่าการเป็น สนช.ของตนก็ไม่ขัดกฎหมายเช่นเดียวกัน แต่ประเด็นเรื่องความเหมาะสมและปัญหาการขัดกันของผลประโยชน์ตนกำลังพิจารณาอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีองค์กรอิสระแยกการทำหน้าที่และถ่วงดุลการทำหน้าที่นิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร เมื่อคนทำหน้าที่องค์กรอิสระกลับมีตำแหน่งในฝ่ายนิติบัญญัติด้วยนั้นเป็นบทบาทที่ถูกต้องหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ก็คงมีการทับซ้อนอยู่ โดยประเด็นที่ตนจะใช้ในการพิจารณาเพื่อเลือกว่าต้องเลือกดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งหรือไม่ เพราะมีเรื่องของผลประโยชน์ขัดกันเข้ามาเป็นเหตุผลหนึ่งด้วย วันหนึ่งอาจต้องเลือกเพียงตำแหน่งเดียว ส่วนจะเลือกตำแหน่งใดนั้น นายพรเพชรกล่าวว่า จะเลือกตำแหน่งไหนมีตำแหน่งหนึ่งเหลือวาระ 4 ปี ส่วนตำแหน่งนี้ถือว่ามีเกียรติที่สุดก็คงต้องพิจารณา แต่ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเพราะตนไม่ทำสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายและมีปัญหาขัดผลประโยชน์ หรือทำในสิ่งที่เป็นภาระหนักจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
นายพรเพชรกล่าวด้วยว่า ตนได้รับเลือกเป็นประธาน สนช.อย่างเป็นเอกฉันท์นั้น สะท้อนว่า สนช.ต้องการแสดงความเป็นเอกภาพเพื่อพัฒนางานด้านกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับการที่ตนเป็นที่ปรึกษาหัวหน้า คสช. เพราะตำแหน่งนี้ไมได้แต่งตั้งจึงไม่ถือว่ามีอยู่แล้ว อีกทั้งตนก็ได้รับเลือกจากที่ประชุม สนช. จึงอยากให้เข้าใจว่าที่ตนไปช่วยร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวเป็นเรื่องที่หัวหน้า คสช.ให้ตนไปให้คำปรึกษา ถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะทาง ดังนั้นจึงไม่มีคำสั่งแต่งตั้งก็ไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งยกเลิก จึงถือว่าตนไม่ได้ดำรงสถานะที่ปรึกษาหัวหน้า คสช. ส่วนจะให้คำปรึกษาต่อหัวหน้า คสช.ต่อไปหรือไม่ก็ต้องถือว่าการให้คำปรึกษานั้นไม่ใช่เรื่องในหน้าที่การงาน
ว่าที่ประธาน สนช.กล่าวว่า สำหรับรายชื่อนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่สามารถบอกได้ว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ เพราะโดยมารยาทไม่สามารถลงคะแนนได้อยู่แล้ว ก็มีความคิดเหมือนประชาชนทั่วไป ถึงมีชื่อในใจก็ไม่สามารถลงคะแนนให้ได้
สำหรับบทบาทของตนในฐานะประธาน สนช.คงมีบทบาทน้อยเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญในอนาคต เนื่องจากที่ประชุม สนช.จะเสนอชื่อกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ 5 คน ในส่วนของตนคงไม่ไปมีบทบาทตรงนั้น แต่ถ้าตนไม่มีตำแหน่งใน สนช. เป็นเพียงผู้ตรวจการแผ่นดิน คงมีบทบาทแสดงความเห็นในร่างรัฐธรรมนูญได้มากกว่านี้ ส่วนมาตรการในการดูแลให้ สนช.เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียงโดยไม่ขาดการประชุมนั้น นายพรเพชรระบุว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราวได้เขียนไว้อย่างเข้มงวดเกี่ยวกับการทำหน้าที่ว่า หากไม่ปฏิบัติอย่างไรจะต้องพ้นตำแหน่ง ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเขียนในลักษณะนี้