โฆษก กรธ.แถลงวางกรอบร่างรัฐธรรมนูญ มีวาระสำคัญคุมพรรคการเมืองให้เป็นตามกรอบวินัยการเงิน คาดใช้องค์กรเดิมหรือตั้งใหม่สอบ ปัดปิดกั้นประชานิยม ตั้งอนุ กก.ยกร่างฯ “อัชพร” นั่งประธาน พร้อมตั้ง 3 ที่ปรึกษา
วันนี้ (9 ต.ค.) นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. แถลงถึงการวางกรอบการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 35 (7) โดยมีสาระสำคัญให้มีกลไกเพื่อควบคุมพรรคการเมือง โดยต้องจัดทำสัญญาประชาคมให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลังที่ดี เพื่อให้ประชาชนสามารถรับทราบถึงนโยบายของพรรคและเป็นหลักฐานในการตรวจสอบพรรคการเมืองในอนาคต โดยรูปแบบการตรวจสอบนั้นยังไม่มีแนวทางที่แน่ชัด แต่อาจมีแนวโน้มตั้งองค์กรขึ้นใหม่ หรืออาจใช้องค์กรเดิมที่มีอยู่ อาทิ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขึ้นมาตรวจสอบนโยบายพรรคการเมืองก่อนการเลือกตั้ง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในอดีตที่พรรคการเมืองต่างๆ เสนอนโยบายส่งผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างร้ายแรง แต่ทั้งนี้ กรธ.ยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้นนโยบายประชานิยมแต่ต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณของประเทศเป็นสิ่งสำคัญ
นายนรชิตกล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังมีมติตั้งคณะอนุกรรมการยกร่างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ โดยมีนายอัชพร จารุจินดา กรธ.เป็นประธานอนุกรรมการ การทำหน้าที่นั้นจะแยกออกจากการทำงานชุดใหญ่ และข้อสรุปที่ได้จากอนุกรรมการต้องนำมาเสนอต่อ กรธ.ก่อนร่างฯ แรกจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2559 นอกจากนี้ กรธ.ยังมีมติแต่งตั้งที่ปรึกษาประจำ กรธ.จำนวน 3 คน ได้แก่ นายเจษฎ์ โทณะวนิก อดีต กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่เข้ามาช่วยงานแทน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขานุการร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตเลขานุการร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ อดีตเลขานุการร่างรัฐธรรมนูญปี 2558 โดยการทำงานของที่ปรึกษา กรธ.ยังไม่ได้กำหนดว่าจะทำหน้าที่เป็นครั้งคราวหรือตลอด 6 เดือน โดยตำแหน่งที่ปรึกษาดังกล่าวมีหน้าที่เพียงให้คำปรึกษาแต่ไม่สามารถออกเสียงลงมติใดๆ ได้