xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.ยกร่างฯ เล็งให้ สสส.-ไทยพีบีเอส-กองทุนกีฬา รับภาษีบาปตามเดิม แต่จะเพิ่มการตรวจสอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

จรัส สุวรรณมาลา (แฟ้มภาพ)
ศึกแย่ง “ภาษีบาป” ไม่จบ หลัง กมธ.ยกร่างฯ เตรียมชง สสส.-ไทยพีบีเอส-กองทุนกีฬา ขอใช้เงิน ต้องผ่านรัฐสภา แต่ยังรับเงินตรงสุรา-บุหรี่ เหตุต้องการเพิ่มระบบตรวจสอบ-รัดกุมขึ้น

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่รัฐสภา นายจรัส สุวรรณมาลา กรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะผู้รับผิดชอบการยกร่างเกี่ยวกับการคลังและการงบประมาณของรัฐใน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างฯ ระบุว่า กม.ยกร่างฯ บางส่วนยอมให้ 3 องค์กร คือ ไทยพีบีเอส สสส. และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ สามารถใช้ภาษีบาปโดยไม่ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามเดิมว่า เรื่องนี้ยังไม่มีการพิจารณา คาดว่าจะนำมาททวนหารือในวันที่ 10-11 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ ยืนยันในหลักการเดิมว่าการยกเลิกกฎหมายจัดเก็บและจัดสรรภาษี เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะหรือที่เรียกว่า ภาษีบาป (Earmarked Tex) ให้แก่องค์กรอื่นๆ จะไม่มีแล้ว ซึ่งเราจะมาดูว่าองค์กรทั้ง 3 แห่งที่ตั้งมาก่อนหน้านี้จะพิจารณาอย่างไรต่อไป

รายงานข่าวจาก กมธ.ยกร่างฯ แจ้งว่า ล่าสุด กมธ.ยกร่างฯ มี 3 แนวทางการพิจารณา คือ แนวคิดที่ 1 ยกเลิกไม่ให้ทั้ง 3 องค์กรใช้ภาษีบาป แต่จะใช้วิธีให้มาของบประมาณตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ แต่ก็จะทำให้เกิดข้อเสีย คือ จากเดิมที่บริษัทเหล้า บุหรี่ ต้องเสียให้ สสส. 2 เปอร์เซ็นต์ ไทยพีบีเอส 1.5 เปอร์เซ็นต์ กองทุนพัฒนากีฬา 2 เปอร์เซ็นต์ โดยแยกออกมาจากที่ต้องเสียให้คลัง 100 เปอร์เซ็นต์ ต่อไปก็จะไม่ต้องเสียให้กับทั้ง 3 องค์กร ส่วนแนวคิดที่ 2 คือ ให้รับภาษีบาปเช่นเดิม แต่การใช้งบประมาณให้มาขอความเป็นชอบจาก ส.ส., ส.ว.ที่เป็นตัวแทนของประชาชน ข้อดีคือเป็นการเพิ่มการตรวจสอบ อีกทั้งเป็นการปฏิบัติตามงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ถูกต้อง และแนวคิดที่ 3 คือ ปล่อยให้เป็นแบบเดิม โดยอ้างว่าจะได้ไม่ถูกนักการเมืองเข้ามาแทรกแซง อีกทั้งภาษีสุรา บุหรี่ก็ไม่ต้องจ่ายภาษีบาปให้ 3 องค์กรนี้น้อยลง

ทั้งนี้ จากการที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม กมธ.ยกร่างฯ หลายคนเห็นด้วยกับแนวทางที่ 2 เพราะจะสามารถมีการตรวจสอบงบประมาณได้เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของสำนักงบประมาณ, ครม., ส.ส., กมธ.วิสามัญร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ, ส.ว. และสื่อมวลชน

ส่วนรูปแบบเดิมมีเพียงแค่หน่วยงานเดียวที่ตรวจสอบการใช้เงิน คือ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขณะที่การใช้งบประมาณก็อนุญาตให้ 3 องค์กรใช้เงินไปก่อน แล้วค่อยมารายงาน ส.ส.และ ส.ว.ภายหลัง ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่ขัดกับวินัยการเงินการคลังของประเทศ อีกทั้งยังป้องกันองค์กรอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ให้มาใช้รูปแบบเดียวกับทั้ง 3 องค์กรด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น