“ประยุทธ์” แจงเยาวชน มีเรือดำน้ำจะได้ไม่ถูกรังแก ห่วงออกเสียงควบกล้ำ-เขียนภาษาไทยไม่ถูกต้อง

นายกรัฐมนตรี ให้โอวาทคณะนักเรียนผู้ชนะเลิศการประกวดมารยาทไทยและการอ่านฟังเสียงของธนาคารธนชาต แจงซื้อเรือดำน้ำสร้างสมดุลแห่งอำนาจ จะได้ไม่ถูกรังแก ย้ำไม่มีผลประโยชน์ เพราะซื้อแบบรัฐต่อรัฐ ย้ำเข้ามาเพื่อให้บ้านเมืองสงบ วางรากฐานอนาคต พร้อมแสดงความเป็นห่วงความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ชาติไทย และเรื่องคำควบกล้ำและเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง สั่งกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแล้ว

วันนี้ (6 ต.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้โอวาทกับ คณะนักเรียนผู้ชนะเลิศการประกวดมารยาทไทยและการอ่านฟังเสียง ครั้งที่ 44 ประจำปี 2558 ซึ่งจัดโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถาม นตท.พลธวัฒน์ ศิริรัตนากูล นักเรียนชั้นปีที่ 2 (มัธยมศึกษาปีที่ 5) กองพันนักเรียนที่ 1 โรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศในการแข่งขันการอ่านฟังเสียง ว่า อยากเรียนเหล่าทัพใด ซึ่ง นตท.พลธวัฒน์ ตอบว่า ทัพเรือ พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบกลับอย่างอารมณ์ดีว่า เหตุใดไม่เลือกทหารบก แต่ก็แล้วแต่ รอเรือดำน้ำตอนจบพอดี ประเทศไทยไปไหนไม่ได้เพราะค้านกันทุกเรื่อง วันหน้าต้องระวังให้ดี การคุ้มครองเส้นทางการเดินเรือต่าง ๆ รอบบ้านเขามีหมดเพื่อคุ้มครองเส้นทางทางเดินเรือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างสมดุลแห่งอำนาจให้ทัดเทียมกันจะได้ไม่ถูกรังแกแย่งชิงทรัพยากรทางทะเล ส่วนที่มองว่าจะมีผลประโยชน์นั้นจะมีตรงไหน เพราะซื้อแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล นายกฯ เขาคงไม่ให้เงินตน มีแต่ขายของของเขา ไม่ใช่ประมูลซื้อกัน เงินใต้โต๊ะอะไรไม่มี

ในตอนหนึ่ง กล่าวว่า การที่ตนเข้ามาตรงนี้เพราะต้องการให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ และไม่มีอะไรแก้ปัญหาได้หากตนไม่เข้ามา บ้านเมืองก็จะเสียหาย อย่าไปฟังการบิดเบือนต่าง ๆ วันนี้ ถ้าไม่แก้ปัญหาที่ตนแก้ ประเทศจะไปไหนไม่ได้ ทุกอย่างจะติดล็อคทั้งหมด ด้วยกฎหมายด้วยรัฐธรรมนูญ ตนจึงเข้ามาปลดล็อคเพื่อเดินหน้าประเทศ ให้มั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน และตั้งแต่เข้ามาทำหลายอย่างในการวางอนาคตสำหรับวันข้างหน้า หากไม่ทำอะไรเราสู้เขาไม่ได้ อีกทั้งยังต้องดูด้วยว่าเรามีความพร้อมในการเดินหน้าไปสู่ความเสรี อิสระ ด้วยการใช่คำว่าประชาธิปไตยอย่างเดียวหรือไม่ มันคงต้องทบทวนใหม่ ต้องดูว่าเราจะมีประชาธิปไตยที่ถูกต้อง มีธรรมาภิบาล มีรัฐบาลสุจริตโปร่งใส อย่างไร ซึ่งเราพยายามทำอยู่ แก้ปัญหาในทุกเรื่อง ตั้งแต่เข้ามามีเรื่องร้องเรียนเข้ามายังศูนย์ดำรงธรรมกว่า 2 ล้านเรื่องซึ่งก็แก้ไปแล้วร้อยละ 90

อย่างไรก็ตาม ในตอนหนึ่งกล่าวอีกว่า ตนมีความเป็นห่วงเรื่องของการอนุรักษ์เอกลักษณ์ไทยของเด็กรุ่นใหม่ แต่ปัจจุบันได้มีการปลูกฝังค่านิยม 12 ประการให้มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยที่มีมาอย่างยาวนาน และขอให้ทบทวนประวัติศาสตร์ชาติไทยเพราะถ้าเราไม่รู้ว่าเรามาจากไหน เราต่อสู้รักษาบ้านเมืองใช้ความยากลำบากมาแค่ไหนเขาก็ไม่รู้จะรักชาติยังไง เพราะเราต้องภูมิใจในความเป็นไทย และขวานทองแห่งนี้ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นและอาณานิคมของใคร มีเอกราช มีวัฒนธรรม ภาษา พยัญชนะ สระและวรรณยุกต์เป็นของเราเองดังนั้นเราต้องเอาอดีตที่เป็นประวัติศาสตร์มาเรียนรู้และเป็นวันนี้เราจะปรับตัวอย่างไร และเราต้องเดินหน้าอนาคตโดยทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อเป็นประวัติศาสตร์ในวันหน้า อย่างไรก็ตามเรื่องการใช้ใช้ภาษาขอให้ระวังเรื่องคำควบกล้ำและเขียนภาษาไทยให้ถูกต้อง และวันหน้าต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาพื้นฐานให้ได้แม้จะไม่เก่งมากก็ไม่เป็นอะไรเพราะเรากำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแล้ว