รองนายกฯ คุมเศรษฐกิจ พบประธานหอการค้าญี่ปุ่น ยันสถานการณ์ไทยไม่น่าห่วง เร่งทำให้มีเงินหมุนเวียน เผยญี่ปุ่นพอใจเพิ่มแรงจูงใจพัฒนาอุตสาหกรรม และให้ช่วย SME สนใจรถไฟเส้นตะวันออกสู่ตะวันตก เชื่อมโรงงานญี่ปุ่น สั่ง รมว.คมนาคมเร่งดำเนินการ ชี้นายกฯ ประชุม UN รับสัญญาณที่ดี UN-มะกันเป็นมิตรขึ้น เชื่อไตรมาสสุดท้ายดีขึ้น แย้มปีนี้บินญี่ปุ่นหวังถกร่วมกันทั้ง ศก.-สังคม
วันนี้ (1 ต.ค.) นายอะกิระ มูราโคชิ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ และคณะผู้บริหารหอการค้าเข้าเยี่ยมคารวะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าพบ นายสมคิดกล่าวว่า ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ และคณะผู้บริหารหอการค้ามาเข้าพบเพื่อฟังนโยบายของรัฐบาล โดยตนได้เล่าสถานการณ์และนโยบาย ที่รัฐบาลดำเนินการ โดยยืนยันไปว่าสถานการณ์ของไทยไม่มีอะไรหนักหนาที่น่าเป็นห่วง ตนได้เข้ามาทำงานร่วมรัฐบาลเป็นเวลา 1 เดือน สิ่งที่ได้ทำในช่วงแรกคือการพยายามทำให้มีเงินหมุนเวียน ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งออกนโยบายไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ดังนั้น คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งถึงจะมีเงินหมุนเวียนในตลาดมากขึ้นและก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เข้าไปเพิ่มแรงจูงใจในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ประเด็นนี้หอการค้าญี่ปุ่นมีความ พอใจอย่างยิ่ง เพราะญี่ปุ่นได้ลงทุนในเมืองไทยจำนวนมาก นายสมคิดกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันทางหอการค้าญี่ปุ่นต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเอสเอ็มอีของญี่ปุ่นที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเอสเอ็มอีของญี่ปุ่นถือว่ามีเทคโนโลยี content สูงมาก ตรงกับความต้องการของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้คุยกันถึงเรื่องเส้นทางรถไฟซึ่งทางหอการค้าญี่ปุ่นเห็นด้วยกับตนและแสดงความสนใจสูงมาก โดยเฉพาะเส้นตะวันออกสู่ตะวันตก มาบตาพุด ผ่านกรุงเทพฯ-เพชรบุรี-ราชบุรี-ไปกาญจนบุรี และออกสู่พม่า ระหว่างเส้นทางดังกล่าวมีโรงงานของนักธุรกิจญี่ปุ่นมาลงทุนอยู่จำนวนมาก โดยญี่ปุ่นได้มีการลงทุนในเขมรเวียดนาม พม่า และไทย ที่แต่ละแห่งแยกออกจากกัน แต่ถ้าเมื่อไหร่มีจุดเชื่อมตรงนี้ก็จะสามารถมองเห็นกระบวนการผลิตไปสู่ ประเทศต่างๆ ได้ ตนจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เร่งดำเนินการโดยเร็ว
ทั้งนี้ ได้พูดกันถึงการมีส่วนร่วมกันจะทำอย่างไร ทางญี่ปุ่นเองมีหลายบริษัทให้ความสนใจ โดยตนได้แนะนำไปว่าถ้าสามารถหาพาร์ตเนอร์เป็นกลุ่ม และยื่นข้อเสนอมายังกระทรวงคมนาคมได้ และจากความสำเร็จของนายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปร่วมประชุมยูเอ็นครั้งนี้ได้รับสัญญาณที่ดีโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาไอยูยู และไอเคโอ และเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อไทยในสายตานานาประเทศซึ่งจะทำให้แรงกดดันต่างๆ ต่อจากนี้ไปลดน้อยลง และถ้าภายในประเทศสงบขึ้นแรงกดดันจากต่างประเทศลดน้อยลง และรัฐบาลทำงานหนักอย่างนี้เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ น่าจะดีขึ้น
หากถามว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ตนบอกไปว่าถ้าปริมาณเงินหมุนเวียน ขยายลงพื้นที่ต่างๆ และกระทรวงพาณิชย์สามารถขับเคลื่อนการส่งออกได้ดีพอ เศรษฐกิจโลกที่กำลังจะดีขึ้นจากต่างประเทศ ในไตรมาส 1 ปีหน้า สถานการณ์น่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะการที่ยูเอ็นและสหรัฐอเมริกามีท่าทีเป็นมิตรกับไทยมากขึ้น เชื่อว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีมาก ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นมีความมั่นใจที่จะมาลงทุนในไทยและหวังว่าคงจะไม่มีอะไร ที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเมืองไทยอีกหลังจากเสียเวลามาแล้วเป็น 10 ปี โดย กลางเดือนพฤศจิกายนหรือต้นเดือนต้นธันวาคม ตนอาจจะเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่น อยากให้มีการประชุมในหลายกระทรวงร่วมกันระหว่าง อุตสาหกรรมการค้าการท่องเที่ยววิทยาศาสตร์ในลักษณะการเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม