ดิ้นไม่เลิก “ทนายปู-กิตติรัตน์” โวยรัฐด่วนสรุปคดีรับจำนำข้าว “นรวิชญ์” จ่อฟ้องกลับถ้าอดีตนายกฯ เสียหาย ติงอย่าอ้างขาดอายุความ เหตุยังไม่เริ่มนับอายุความคดีแพ่ง ด้าน “กิตติรัตน์” ข้องใจ คกก.สอบข้อเท็จจริง เร่งรีบ รวบรัด จงใจไม่ให้ความเป็นธรรมรัฐบาลชุดก่อน
วันนี้ (28 ก.ย.) มีรายงานว่า หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดฟังวันไต่สวนพยานคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ในวันที่ 29 ต.ค.นี้ ขณะที่เฟซบุ๊กทีมงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ข้อความการวิจารณ์คดีรับจำนำข้าวของ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า จากที่ปรากฏเป็นข่าวว่าจะมีการสรุปสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เพื่อไม่ให้คดีขาดอายุความนั้น ตนมีความเห็นต่างในเรื่องอายุความตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 มาตรา 10 วรรคสอง กำหนดให้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่มีกำหนดอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าที่ผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทน
นับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าที่ผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น คือ วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรมว.คลัง ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดในโครงการรับจำนำข้าว ได้วินิจฉัยว่ามีผู้กระทำผิดหรือไม่ เท่าใด จึงต้องเริ่มนับอายุความ 2 ปี ดังนั้นเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และรมว.คลังซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ยังไม่ได้วินิจฉัยว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำผิดหรือไม่ เท่าใด การเริ่มนับอายุความ 2 ปีจึงยังไม่เริ่มนับ ดังนั้นการนับอายุความคดีแพ่งจึงยังไม่ขาดอายุความ
“คดีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพิ่งจะได้ให้ถ้อยคำเป็นลายลักษณ์อักษรไปเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ในการให้ถ้อยคำเป็นหนังสือนั้นได้อ้างพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ แต่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกลับไม่ไต่สวนให้ได้ข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนเสียก่อน โดยในเรื่องนี้ตามข้อ 15 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ระบุไว้ชัดเจนว่าคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดต้องให้โอกาสแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้ง แสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอและเป็นธรรม” นายนรวิชญ์กล่าว
ดังนั้น คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดต้องให้โอกาสแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้ง แสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอและเป็นธรรม โดยให้มีการไต่สวนพยานบุคคลที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้เกี่ยวข้องได้อ้างไว้แล้วนั้นให้เสร็จสิ้น ครบถ้วน ก่อนสรุปสำนวน การที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไม่ได้ให้โอกาสแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้ง แสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอและเป็นธรรมนั้น ศาลปกครองสูงสุดได้เคยมีแนวคำพิพากษาไว้แล้วว่าเป็นการไต่สวนข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ ทีมทนายความกำลังรวบรวมพยานหลักฐานหากเห็นว่าเกิดความเสียหายแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะได้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
มีรายงานว่า เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (18 ก.ย.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ได้โพตส์ข้อความระบุว่าเป็นการเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง โดยชี้แจงเรื่องการเข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เรื่องโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
มีใจความว่า ตนต้องขออภัยที่เขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ถึงท่าน เพื่อเรียนความจริงในเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง คือ การทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เรื่องโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลก่อน ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นโดยกระทรวงการคลัง ลงนามแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีท่านก่อนนั้น มีการดำเนินการที่รวบรัดตัดตอนเกินสมควรหรือไม่ ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วตนได้รับหนังสือเชิญจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ให้เข้าให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการฯ
โดยกำหนดเป็นวันที่ 17 กันยายน 2558 เวลา 09.00 น. ตนได้ตรวจสอบตารางภารกิจแล้วพบว่า ตนมีกำหนดนัดหมายกับโรงเรียนในสังกัด สพฐ.แห่งหนึ่งในต่างจังหวัด เพื่อทำหน้าที่วิทยากรพิเศษแก่นักเรียนเป็นจำนวนถึง 5 ชั้นเรียน นับเป็นจำนวนนักเรียนกว่าร้อยคน ในระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน 2558 ซึ่งเป็นกำหนดนัดหมายล่วงหน้ามาเป็นเวลานานแล้ว จึงเลื่อนการเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการฯ
แต่เป็นที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อตนเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับในวันนี้ว่า ผู้หลักผู้ใหญ่บางท่านของบ้านเมืองในระดับสูงได้ให้ข้อมูลว่า การสอบข้อเท็จจริงสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว และพร้อมสรุปขนาดความเสียหายและผู้รับผิดชอบด้วย ขอเรียนท่านด้วยความเคารพว่า ตนเป็นอดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลก่อน และเป็น ประธานคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ พร้อมและยินดีเข้าให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ตามกำหนดนัดหมายที่คณะกรรมการฯ จะพิจารณาเลื่อนให้ตามความเหมาะสม จะเป็นไปได้อย่างไรที่การสอบข้อเท็จจริงจะสำเร็จลงแล้วโดยมิได้ให้ตนเข้าพบเพื่อตอบและชี้แจง ทั้งนี้ ที่ตนนำเรียนท่านเป็นจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้มี 2 วัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. ย่อมเป็นการไม่สมควร และอาจเป็นความเสี่ยงต่อทั้งท่านและตนที่จะถูกเข้าใจผิดในเจตนา หากมีการเข้าพบกันอย่างรโหฐานหรือเป็นจดหมายปิดผนึก และ 2. ขอให้คำแนะนำในฐานะที่เคยทำหน้าที่ รมว.คลังมาก่อนว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดถือเป็นขั้นตอนแรกสุดก็จริง
แต่มีความสำคัญ เพราะจะเป็นฐานในการพิจารณาของคณะกรรมการและหน่วยงานในลำดับที่สูงขึ้นไปจนมาถึงตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้มีหน้าที่ที่จะพิจารณาให้ดำเนินการหรือไม่ดำเนินการอย่างไร เมื่อครั้งที่ตนทำหน้าที่จะพิจารณาทุกเรื่องที่มาถึงด้วยความรอบคอบที่สุดก่อนพิจารณาสั่งการ ในหลายกรณีเหล่านั้น เคยสั่งการทั้งยุติและชะลอการดำเนินการในเรื่องที่มีการพิจารณามาด้วยความไม่รอบคอบ ทั้งๆ ที่ผู้ถูกกล่าวหาหลายท่านในกรณีเหล่านี้มาจากคนละฟากฝั่งทางการเมือง บางเรื่องเห็นได้ว่าฝ่ายประจำเร่งรัดเรื่องราวอย่างเอาอกเอาใจฝ่ายนโยบาย ถึงขนาดที่การพิจารณาในกระบวนการทางอาญาของศาลสถิตยุติธรรมยังไม่มีความชัดเจน
วันนี้รู้สึกดีใจ ภูมิใจที่ไม่เคยทำงานอย่างรวบรัด ไม่รอบคอบ จนเป็นเครื่องมือประหัตรประหารฝ่ายอื่น หรือเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายตน ทั้งนี้ ตนเคยรู้จักท่านรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นคนตรงและมีความสามารถ ขอเรียนท่านว่าคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ของกระทรวงการคลังคณะนี้ปฏิบัติหน้าที่อย่างรวบรัดเร่งรีบจนสังคมสามารถตั้งข้อสงสัยว่า มีความจงใจ ไม่ให้ความเป็นธรรมเป็นฐานรากแห่งการทำงานมาตั้งแต่ต้นหรือไม่ ดังนั้น โปรดตรวจสอบทักท้วงเสียก่อนที่เรื่องราวจะไปไกลจนแก้ไขได้ยาก และก็ย่อมต้องวนเวียนกลับมาในความรับผิดชอบของท่านอยู่ดี