รายงานการเมือง
ทำเป็นยึกยักแบบแทงกั๊กว่าจะรับหรือไม่รับตำแหน่งประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แต่ที่สุด “มีชัย ฤชุพันธุ์” ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คงยอมรับตำแหน่งประธาน กรธ.อีกหนึ่ง “หัวโขน” เป็นที่แน่นอนแล้ว
หลัง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ออกมายอมรับว่าเตรียมทาบทาม “มีชัย” ด้วยตัวเอง แถมยังทิ้งปริศนาให้ชวนคิดว่า หาก “มีชัย” ไม่รับจะเดือดร้อนตัวเองให้มานั่งประธาน กรธ.แทน
สัญญาณชัดล็อกสเปกต้อง “เนติบริกร” เท่านั้น
ส่งนัยไฟต์บังคับให้เห็นเลยว่า “มีชัย” จะนั่งประธาน กรธ. พร้อมการันตีกันได้เลยว่ายี่ห้อ “ศิษย์เอก-อาจารย์สุดเลิฟ” คงไม่ทำให้อีกคนหน้าแตกแน่นอน
ที่เหลือก็คงเป็นแค่พิธีกรรมหลอกคนฉากหน้ากันไป เพราะฉากหลัง “มีชัย” ตกปากรับคำ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไว้ตั้งแต่ยังไม่เดินทางไปกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เลยด้วยซ้ำ
แต่ติดอยู่ที่เงื่อนไขของการจัดสรรโควตา “กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” ที่ต้องต่อรองกันหน่อย ซึ่งสุดท้ายก็ลงล็อกที่ให้ “มีชัย” เลือกลูกทีมได้อย่างอิสระ แล้วแต่จะขอมา “บิ๊กตู่” พร้อมจัดให้
ไม่ใช่ “มีชัย” ไม่ไว้ใจ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ที่อาจจะมีเกมเหนือเมฆคว่ำร่างรัฐธรรมนูญซ้ำรอย “ศิษย์เบอร์สอง” อย่าง “อาจารย์ปี๊ด-บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” แต่ “มีชัย” ต้องการปั้นมือกฎหมายในคาถาของตัวเองทิ้งเชื้อขยายเครือข่าย “เนติบริกร” เพิ่มขึ้นอีก
โดยเฉพาะ “ก๊วนกฤษฎีกา” ที่มีชัยเตรียมหนีบมาช่วยงานร่างรัฐธรรมนูญหลายคน ตัวเต็งที่จะมาเป็นเลขาฯ คู่ใจข้างกายมีชัย หนีไม่พ้น “ปกรณ์ ปรียากร” ที่ทำงานเข้าขา แค่มองหน้าขยิบตากันทีเดียวก็รู้เรื่องแล้ว ส่วนคนอื่นๆ คงเปิดโฉมหน้าออกมาให้เห็น หลัง “บิ๊กตู่” เดินทางกลับจากการโกอินเตอร์ช่วงต้นเดือน ต.ค. ช้ากว่านั้นจะขัดรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ตกม้าตายง่ายๆ อีก
ว่ากันว่า รัฐประหารครั้งนี้ใช้ “สามเนติบริกร” กันจนเปลืองตัวไปเยอะ “มีชัย” จึงต้องวางรากฐาน “มือกฎหมาย” คนใหม่ให้มีความน่าเชื่อถือ-มีบารมี เพื่อไว้ใช้งานในอนาคต ชื่อของคนสนิทมีชัย อย่าง “พชร ยุติธรรมดำรง - พรทิพย์ จาละ” สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จึงมาแรง ซึ่งในรายของพรทิพย์อาจจะมาในโควตา สนช. หรือโควตา “มีชัย” ก็ได้
อย่าลืมว่า อย่าง “บวรศักดิ์” ได้ยอมพลีชีพตายเดี่ยวหลังอดีต สปช.โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไปแล้ว “วิษณุ” ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะโดดมาร่วมวงช่วยงาน “อาจารย์มีชัย” เจ้าของสำนักเนติบริกรจำต้องสร้างคนเพื่อรักษาสำนักเอาไว้ เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ “มีชัย” ดีดลูกคิดทำนายดวงเมือง-ชี้ชะตาดวงคนแล้ว จึงขอไว้ลาย “เสือแก่” ลงมาแจมร่างรัฐธรรมนูญฉบับ “เรือแป๊ะ” ด้วยตัวเอง เพื่อนำเรือแป๊ะไปสู่ฝั่งฝัน และการันตีสำนักเนติบริกรให้อยู่ยงคงกระพัน
อีกเหตุผลสำคัญที่ชื่อ “มีชัย” อยู่ในใจของ “บิ๊กตู่” มาโดยตลอด เพราะเวลานี้ “หัวขบวนขุนทหาร” ไม่สามารถไว้ใจ หรือให้โอกาสใครให้พิสูจน์ตัวเองได้แล้ว ด้วยเงื่อนไขเวลาที่งวดเข้ามา “คนกันเอง-คนไว้ใจ” เท่านั้นที่จะทำงานใหญ่ได้ อย่าลืมว่าร่างรัฐธรรมนูญใหม่ครั้งนี้ไม่มีโอกาสให้ คสช.มาคว่ำร่างเล่นขายของให้ดูกันอีก แม้รัฐธรรมนูญจะต้องถูกส่งให้ ครม.-คสช.เห็นชอบในขั้นตอนสุดท้าย โอกาสคว่ำมี แต่แรงกดดันภายในประเทศ-ภายนอกประเทศ จะพุ่งตรงใส่ ครม.-คสช.ทันที
คงยากที่ “บิ๊กตู่-ขุนทหาร” จะรับมือไหว แรงต้านจากประชาชน “ค่ายแดง” จะร้อนแรงดุเดือด แนวรบนอกประเทศที่จัดตั้ง “องค์กรเถื่อน” ไว้คอยให้ข้อมูลผิดๆ ต่อประเทศมหาอำนาจ จะจี้จุดอ่อนทันที
โดยพวกองค์กรเถื่อนหวังให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงการบริหารงานของ “บิ๊กตู่” เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ความเคลื่อนไหวระยะหลังเริ่มมีการปลุกระดมมวลชนมากขึ้น ฉะนั้น การร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้จึงคว่ำไม่ได้โดยเด็ดขาด แต่จะไม่ทิ้งเงื่อนไขเดิมที่ได้วางเกม-วางแผน-วางหมากกันเอาไว้ เมื่อตั้งเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญก็ต้องตั้งสเปกคนร่างรัฐธรรมนูญเอาไว้ด้วย
โดยสเปกประธาน กรธ.-กรรมการ กรธ.ที่หัวขบวนขุนทหารวางเองไว้ มี 3 เงื่อนไข 1. สมาชิกวุฒิสภาสรรหา 100 เปอร์เซ็นต์ 2. ต้องมีคณะกรรมการที่มีอำนาจคล้ายคลึงกับ คปป. และ 3. นายกรัฐมนตรีคนนอก ซึ่ง 3 เงื่อนไขที่ตั้งไว้คนใจป๊อด-พวกชอบกั๊กทำไม่ได้แน่
เมื่อเงื่อนไขถูกกำหนดขึ้นหนึ่งเดียวในใจ “บิ๊กตู่” มีแค่ “มีชัย” คนเดียว ไม่เคยแบ่งใจ-ปันใจให้ใครคนอื่น ชื่อหลอกที่ปล่อยกันออกมาแค่คาดการณ์ให้ลุ้นกันเล่นๆ เท่านั้น
อย่างชื่อ “อานันท์ ปันยารชุน” แม้จะถูกทาบทามจริง แต่เป็นพวกหางแถวอย่างอดีต สปช.บางคนที่ชอบเสนอหน้าให้นายเห็นความแกร่งกล้าสามารถ ไปทาบทามอานันท์เองแล้วมาปล่อยข่าวกับสื่อ ทั้งที่ไม่มีมูลความจริงเลย
เมื่อเรือแป๊ะได้แม่ทัพคนใหม่หน้าเดิมมาคุมเกมเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ แถมยังเป็น “อาจารย์มีชัย” ที่หลายคนมองว่าเป็นมือฉมัง ยิ่งทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะถูกทำคลอดขึ้นอีกภายใน 6 เดือนน่าจับตามากยิ่งขึ้น
และต้องจับตา 3 เงื่อนไขที่หัวขบวนขุนทหารตั้งไว้ จะถูกซ่อนกล-เล่นแง่ เขียนให้แนบเนียนไว้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะอย่าลืมกระแสต้าน คปป.จะคอยหลอกหลอนมีชัยและพวกตลอดเวลา
ที่สำคัญต้องตามดูว่าร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มือกฎหมายคนไหนรุ่ง-คนไหนร่วง เพราะหากใครรุ่งจนขึ้นชั้น “ศิษย์เอกสำนักเนติบริกร” มีหวังอนาคตรุ่งตามไปด้วย ส่วนคนที่ได้รับการยอมรับอยู่แล้วจะเป็นบทพิสูจน์ว่าจะเอาเครดิตที่สั่งสมมาทั้งชีวิตมาทิ้งลงแม่น้ำหรือไม่
“คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” ชุดใหม่ จึงเดิมพันทั้งอนาคตประเทศ-อนาคตของเรือแป๊ะที่ตัวเองอาศัยไปด้วย โดยมีชะตาเมืองไทยอยู่ในมือ