รองนายกฯ แจงใช้มาตรา 44 ตั้ง “กนกทิพย์” นั่งตำแหน่งพิเศษเปิดใหม่ เหตุกฎหมายปกติทำไม่ได้ และ สมช.ยังต้องการตัว เกษียณถึงยุบตำแหน่งทิ้ง ไม่ตอบปลอบใจชวดเลขาฯ สมช. ส่วนโยกตำแหน่ง “รองฯ เอก” ไม่ต้องใช้ ม.44 แจงตีกลับเกษตรตั้ง 2 ขรก.ให้ถูกต้อง เผย ให้ทบทวนร่างกฎหมายดิจิตอล ตามความเห็น รมว.ไอซีที
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ถึงการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่งตั้งนางกนกทิพย์ รชตะนันทน์ อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า กรณีนี้เป็นตำแหน่งพิเศษเปิดใหม่ เพราะตำแหน่งที่มีการตั้งไว้อยู่แล้ว เป็นกรณีให้ซี 11 มาเป็น ซี 11 แต่กรณีนี้เป็นการให้ ซี 10 มาเป็นซี 11 จึงต้องเปิดตำแหน่งใหม่ และตามกฎหมายปกติไม่สามารถทำได้จึงต้องใช้กฎหมายพิเศษ ทั้งนี้ทาง สมช.ยังมีความจำเป็นต้องการตัวนางกนกทิพย์อยู่จึงตั้งให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง เมื่อนางกนกทิพย์เกษียณตำแหน่งนี้ก็ยุบไป และนางกนกทิพย์ยังคงนั่งทำงานด้านความมั่นคงอยู่ที่ สมช.เช่นเดิม แต่เพื่อให้ดูกระบวนการเข้าตามตรอกออกตามประตู การแต่งตั้งครั้งนี้จึงต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเหมือนผ่านการพิจารณาของ ครม.ตามปกติ
เมื่อถามว่าการแต่งตั้งดังกล่าวเป็นการปลอบใจหลังนางกนกทิพย์ที่พลาดหวังการเป็นเลขาฯ สมช.หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ขอตอบ แต่เป็นมาตรการในเชิงบริหาร ส่วนกรณีแต่งตั้ง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น มีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เทียบเคียงแล้วสามารถดำเนินการได้ ไม่ต้องใช้อำนาจพิเศษ เพราะเงินประจำตำแหน่งของรอง ผบ.ตร.สูงกว่าเงินประจำตำแหน่งปลัดกระทรวง และจริงๆ แล้วเมื่อ ผบ.ตร.เทียบเท่า ซี 11 รอง ผบ.ตร.จะเทียบเท่า 11 ไม่ได้ พล.ต.อ.เอกจึงต้องมาเป็นซี 10 แล้วตั้งเป็นซี 11 อีกครั้งซึ่งเคยมีการทำมาในอดีต
เมื่อถามถึงมติคณะรัฐมนตรีที่ยกเลิกมติ ครม.ก่อนหน้าในการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตร 2 ตำแหน่งว่า กระบวนการในการแต่งตั้งข้าราชการ จากซี 10 เป็น ซี 10, ซี 10 เป็น ซี 11, หรือ ซี 9 เป็นซี 10 ใช้หลักการคนละอย่างกัน แต่การแต่งตั้งสองตำแหน่งดังกล่าวมีการปะปนกันมาแล้วใช่เกณฑ์เดียวกัน จึงให้เขากลับไปทำมาใหม่เท่านั้น บางกระทรวงอ้างว่าเคยทำมาในอดีต แม้อาจจะเคยทำแต่ครั้งนี้ไม่ให้ทำ ส่วนตัวบุคคลหากเขาจะถือโอกาสทบทวนด้วยก็ได้ แต่ถ้าเขาไม่ทบทวนก็สามารถเสนอคนเดิมมาได้แต่วิธีการให้ทำมาให้ถูก
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้มีการทบทวนร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิตอลใน 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลว่า นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีความเห็นว่า จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาสาระในหลายประเด็นที่ยังเป็นปัญหา รวมไปถึงกรณีที่บางหน่วยงานได้มีการทักท้วงในร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่เมื่อไม่ได้รับการแก้ไขจึงได้มีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อขอให้มีการแก้ไข อย่างไรก็ตาม นายวิษณุเปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุม ครม.ไม่ได้มีการกำหนดว่าจะต้องมีการเสนอกลับเข้าสู่ที่ประชุม ครม.อีกครั้งในช่วงเวลาใด
