คําสั่งหัวหน้า คสช. 3 ฉบับ เด้ง “กนกทิพย์ รชตะนันทน์” พ้น “รองเลขาฯ สมช.” หลังยื่นหนังสือลาออกจาก สมช. นั่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงประจําสํานักนายกฯ กรณีพิเศษ งานเทียบเท่า “เลขา สมช.” และตามที่นายกฯสั่งการ มีเงินประจำ 2.1 หมื่นบาท พร้อมให้ “สาลินี วังตาล” เป็น ผอ.สํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) อยู่ในตําแหน่งสองปี พร้อมตั้ง “พล.อ.ประจิน จั่นตอง” นั่งรองประธาน กพช. แทนหม่อมอุ๋ย
วันนี้ (22 ก.ย.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๑/๒๕๕๘ ฉบับแรก เรื่อง การกําหนดตําแหน่งและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดํารงตําแหน่ง
เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพ และมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปงานด้านความมั่นคงของชาติ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้กําหนดตําแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ในสํานักนายกรัฐมนตรี จํานวน ๑ ตําแหน่ง โดยให้เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหาร ระดับสูง รับเงินประจําตําแหน่ง ๒๑,๐๐๐ บาท ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑
ข้อ ๒ ให้ นางกนกทิพย์ รชตะนันทน์ พ้นจากตําแหน่ง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และให้ดํารงตําแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ตามข้อ ๑ เป็นพิเศษเฉพาะราย โดยให้ปฏิบัติหน้าที่ด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงและหน้าที่อื่น ๆ ที่สํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตามที่นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีผู้กํากับการบริหารราชการสํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติมอบหมาย
ข้อ ๓ ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการดังกล่าวพ้นจากตําแหน่งเดิมและแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตามข้อ ๒ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๒๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
ข้อ ๔ ให้สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี สํานักงาน ก.พ. สํานักงบประมาณสํานักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดําเนินการเกี่ยวกับตําแหน่ง อัตราเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ของข้าราชการดังกล่าว
ข้อ ๕ เมื่อนายกรัฐมนตรีเห็นสมควรให้ข้าราชการดังกล่าวพ้นจากตําแหน่งตามข้อ ๒ หรือไปดํารงตําแหน่งอื่นก็ให้ดําเนินการตามกฎหมายและระเบียบราชการได้ หรือเมื่อไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งตามข้อ ๒ ให้ตําแหน่งดังกล่าวเป็นอันยกเลิก
สั่ง ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ฉบับที่ 2 คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๒/๒๕๕๘ เรื่อง การแต่งตั้งผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
โดยที่สํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสําคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล แต่โดยที่ในปัจจุบันสํานักงานฯ ไม่อาจดําเนินการแต่งตั้งผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องบางประการอันทําให้เกิดข้อจํากัดในการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมเข้ารับหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะทําให้กลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามนโยบายของรัฐบาลไม่สามารถดําเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดผลเสียต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ กรณีจึงมีความจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดินและแก้ไขข้อขัดข้องทางกฎหมายอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคาสํ ั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ นางสาลินี วังตาล ดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยให้มีวาระอยู่ในตําแหน่งสองปีตั้งแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ และหากเห็นว่ามีความจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการดําเนินการของสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับอาจเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งให้ขยายระยะเวลาการดํารงตําแหน่งได้ตามความเหมาะสมแต่ไม่เกินสองปีหรือจะให้พ้นจากตําแหน่งก็ได้
ข้อ ๒ ให้ประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ เป็นผู้พิจารณากําหนดรายละเอียดในสัญญาจ้าง รวมทั้งอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับแต่งตั้งตามคําสั่งนี้
ข้อ ๓ เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติสิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแล้วให้ผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับแต่งตั้งตามคําสั่งนี้พ้นจากตําแหน่งและให้ดําเนินการเพื่อให้มีการแต่งตั้งผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นต่อไป
ให้ผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่พ้นจากตําแหน่งตามวรรคหนึ่ง ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และเมื่อได้แต่งตั้งผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแล้ว ให้คําสั่งนี้
เป็นอันยกเลิก
ข้อ ๔ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ฉบับที่ 3 คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๓/๒๕๕๘ เรื่อง เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๕๘
เพื่อให้การดําเนินการของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติสอดคล้องกับโครงสร้างการบริหารราชการในปัจจุบันและการดําเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคําสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ พ.ศ. ๒๕๕๘ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
“ให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘โดยเปลี่ยนแปลงตําแหน่งรองประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ จากรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศปรีดิยาธร เทวกุล) เป็นรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง)”
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ