“ประยุทธ์” ยันไม่มีเปิดเหมืองทองเพิ่ม ต้องเรียบร้อยไม่สร้างความเดือดร้อนก่อน สั่งบรรเทาความเดือดร้อนเกษตร ปัดไม่ถึงขั้นงดปลูกขาวนาปรัง แต่แนะปลูกพืชน้ำน้อยแทน ยินดีวันฮารีรายอ ชาวมุสลิมไทยอยู่ใต้พระบารมีในหลวง เอาใจช่วยให้สงบสุข รับสั่งจีนไม่ได้สร้างรถไฟต่างมีเงื่อนไข ย้อนช้าก็บ่น เร็วก็หาว่าทุจริต อยากใช้คำว่า “ประชารัฐ” ปชช.-รบ.ร่วมกันเป็นรัฐ เหตุเดิมทำอะไรไม่ได้ อย่าหวังแต่อำนาจ
วันนี้ (22 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่เป้าหมายเหมืองทองคำ 12 จังหวัด รวบรวมรายชื่อผู้คัดค้านนโยบายขยายพื้นที่เหมืองยื่นต่อนายกรัฐมนตรีว่า กำลังทบทวนอยู่ เป็นเรื่องเดิมอยู่แล้วรวมทั้งเรื่องที่ดินแปลงเก่าแปลงใหม่ที่ยังติดเรื่องข้อกฎหมาย เช่น การต่อสัญญา รวมถึงจะต้องทบทวนเรื่องของผลกระทบที่ผ่านมา ประชาชนต้องการอะไร เรียกร้องอะไร ฉะนั้นต้องไปแก้ทั้งระบบ อย่างไรก็ตามจะยังไม่มีการเปิดเหมืองทองคำเพิ่ม เมื่อถามว่ามีการเรียกร้องให้นายกฯ นำเรื่องนี้ไปชี้แจงแนวทางในการแก้ไขปัญหาในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ นายกฯ กล่าวว่า ก็จะทำอย่างไร ก็ทำอย่างนี้จนกว่าจะเรียบร้อย ถ้าไม่เรียบร้อยก็เปิดไม่ได้ ถ้ามันมีปัญหาก็ปิดเท่านั้นเอง ทุกอย่างนั่นแหละ บางอย่างก็เป็นเรื่องของกฎหมาย เรื่องของการพัฒนา ประเทศไทยเราก็ไม่ได้มีกฎหมายห้ามการทำเหมืองทอง ดังนั้นเป็นเรื่องของอุตสาหกรรม และ พ.ร.บ.การประกอบการทำอุตสาหกรรม แต่ทั้งนี้การดำเนินการต้องไม่สร้างผลกระทบ ไม่สร้างความเดือดร้อน โรคภัยไข้เจ็บ ต้องดูว่ามันใช่หรือไม่ใช่ มันจริงหรือไม่จริง มันพิสูจน์ได้หรือเปล่า ถ้าฟังตรงนี้ตรงนู้นก็ทำอะไรกันไม่ได้สักอย่าง ก็อยู่แค่ตรงนี้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงปัญหาสถานการณ์น้ำที่จะส่งผลกระทบต่อการเกษตรว่า ขณะนี้ได้สั่งการ และกำลังกำหนดมาตรการในการบรรเทาความเดือดร้อนของการทำการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องของการทำนาปรัง เนื่องจากต้นทุนปริมาณน้ำในเขื่อนค่อนข้างมีจำกัดและน้อยมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหามาตรการว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนไม่ได้รับความเดือดร้อน เช่น มาตรการวางแผนให้เกษตรกรไปปลูกพืชชนิดอื่น หรือกำหนดการปลูกพืชในพื้นที่ที่เหมาะสม โดยให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลจัดทำแผน ทั้งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำเจ้าพระยาว่าจะบริหารจัดการน้ำกันอย่างไร อย่างไรก็ตาม ยังไม่ถึงขั้นให้งดการปลูกข้าวนาปรัง เพราะคนจะตื่นตระหนก แต่จะใช้คำว่าแนะนำให้ไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน และรัฐบาลจะหาตลาดรองรับผลผลิตให้ เมื่อรัฐแนะนำไปแล้วและทำแต่เกิดความเสียหาย รัฐก็พร้อมดูแล แต่ถ้าแนะนำไปแล้วและฝ่าฝืน ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไร เสียหายเปล่าๆ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงวันฉลองเทศกาลปีใหม่ของศาสนาอิสลาม (วันฮารีรายอ) ที่ตรงกับวันที่ 24 กันยายนนี้ว่า ตนยินดีด้วยทุกปี เพราะตนไม่ได้มองว่าชาวมุสลิมเป็นคนอื่น ชาวมุสลิมเป็นคนไทยภายใต้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทุกศาสนาสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ วันฮารีรายอถือว่าเป็นวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม ขออวยพรให้ชาวมุสลิมที่ประกอบกิจกรรมทั้งหลายประสบความสำเร็จตามที่ได้มุ่งหวังและปรารถนาในศาสนาที่ทุกคนนับถือ แม้ว่าตนจะเป็นชาวไทยพุทธก็ขอเอาใจช่วย ตนอยากให้ประเทศไทยและประชาชนมีความปลอดภัย สงบสุขไม่ว่าจะเป็นคนศาสนาใดก็ตาม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าแผนการก่อสร้างรถไฟทางคู่ไทย-จีน ว่า “มีการประชุมและติดตามความคืบหน้ามาโดยตลอด ถามว่าวันนี้เราสั่งจีนได้หรือไม่ เพราะเขาไม่ใช่คนไทย สั่งได้เมื่อไหร่กันเล่า แต่ละคนต่างมีเงื่อนไขของเขาและเราก็มีเงื่อนไขของเรา จะทำได้เมื่อไหร่ก็ทำ ถ้ายังทำไม่ได้ก็ต้องศึกษากันก่อน ประเด็นคืออย่าไปมองว่าช้าว่าทำไม่สำเร็จ เพราะพอเร็วเกินไปก็มองว่ามีทุจริตหรือเอื้อประโยชน์ ผมถามว่าจะเอาอย่างไรจะสร้างหรือไม่ จะเอาหรือไม่ ผมจะได้ตกลง”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การตกลงไม่ได้คุยกันระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลเท่านั้น เพราะคนทำคือภาคเอกชนจีนและไทยที่ต้องร่วมทุนกันก่อสร้าง รัฐบาลจะสร้างเองไม่ได้จะต้องจ้างบริษัทเพียง ซึ่งเราก็ต้องดูว่าข้อตกลงเขาว่ากันอย่างไร ประเด็นของเราคือเรื่องเส้นทาง ค่าใช้จ่าย ที่ยังไม่ตรงกัน ส่วนปัญหาเส้นทางก็มีปัญหากันหมด ต่างบุกรุกกันเข้าไป สร้างก็เดือดร้อนก็ต้องมาเยียวยากันอีก จะทำอะไรก็ติดขัดไปหมดแม้กระทั่งการทำรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ เสร็จแล้วมาเร่งอยากให้ตนใช้อำนาจ แต่ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มต่อต้านเพราะไม่เห็นด้วย เนื่องจากเขาเดือดร้อนและไม่ได้ประโยชน์ แล้วเมื่อไรจะเจอสักที ตนจึงต้องใช้คำว่า “ประชารัฐ” คือประชาชนกับรัฐบาลจะต้องร่วมกันเป็นรัฐ หากเป็นแบบเดิมก็ทำอะไรไม่ได้ รางหรือถนนก็ติดขัดไปหมด ทุกคนก็อยากให้ใช้กฎหมาย พอใช้กฎหมายเรียบร้อยใครที่มาบริหารก็ต้องการอำนาจอย่างเดียวเพราะมันสามารถทำอะไรได้ตนว่ามันไม่ถูกต้อง เราต้องสร้างความร่วมมือ นี่คือเรื่องที่ฝากไว้ให้คิดเมื่อตนไม่อยู่พวกเราจะเดินไปอย่างไร ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญหรือการขับเคลื่อนต่างๆ จะให้บอกว่าปัญหาประเทศไทยไม่มีอะไรเลย เรามีความสุขกันดีอยู่แล้ว ทุกอย่างก็เลือกตั้งกันไปเถอะตนก็ทำอะไรไม่ได้ เราต้องนึกถึงคนที่เดือดร้อนก่อน