มติคณะรัฐมนตรีที่น่าสนใจ รับทราบกระทรวงมหาดไทย เตรียมก่อสร้างศาลากลางน้ำ ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา ที่อ่างเก็บน้ำเขาเต่า หัวหิน เห็นชอบร่างเอกสารประชุมยูเอ็นของไทย กำหนดคุณสมบัติ “ผู้พิพากษาสมทบ” ศาลเยาวชนและครอบครัว - ยืดเวลาทำงานจนกว่าจะมีคนใหม่ พร้อมเห็นชอบเปลี่ยนชื่อกรมรักษาดินแดน เป็นหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน พร้อมปรับเงินเดือน 1 ขั้น แก่อาสาสมัครทหารพราน 23,500 นาย
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ โครงการออกแบบและก่อสร้างศาลากลางน้ำ เพื่อประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ อ่างเก็บน้ำเขาเต่า ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 5 ธันวาคม 2560 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่พระองค์พระราชทานโครงการพระราชดำริ ด้านแหล่งน้ำเป็นแห่งแรกให้แก่พสกนิกรชาวไทย และพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างตรากตรำ และต่อเนื่องมายาวนาน และเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ
ส่วนเรื่องเอกสารท่าทีของไทยสำหรับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 70 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างเดือน ก.ย.- ธ.ค. 58 ครม. มีมติเห็นชอบเห็นชอบร่างเอกสารท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ โดยมีสาระสำคัญไทยให้ความสำคัญในแต่ละหมวด รวมทั้งสิ้น 9 หมวด ได้แก่ 1) การส่งเสริมการพัฒนาและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนตามข้อมติสมัชชาสหประชาชาติและผลการประชุมสหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง 2) การรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ 3) การพัฒนาแอฟริกา 4) การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน 5) การประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม 6) การส่งเสริมความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ 7) การลดอาวุธ 8) การควบคุมยาเสพติด การป้องกันอาชญากรรมและการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศ และ 9) การบริหารองค์การและอื่น ๆ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องร่าง พ.ร.บ. ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว ว่า ครม. มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (วาระการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ สคก. เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดคุณสมบัติของบุคคลผู้มีสิทธิสมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาสมทบ โดยกำหนดอายุขั้นสูงไว้ตามประเด็นที่ นายวิษณุ มอบหมาย เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินในการรับสมัครบุคคลเป็นผู้พิพากษาสมทบ จึงได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 25 (1) เป็น “มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์และไม่เกินเจ็ดสิบห้าปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร” เพื่อให้ระบบคัดเลือกและควบคุมผู้พิพากษาสมทบมีความสมบูรณ์พร้อมในทุกขั้นตอน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมวาระการดำรงตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบ ซึ่งเดิมคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตัดความเดิมว่า “ผู้พิพากษาสมทบที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระให้คงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าผู้พิพากษาสมทบคนใหม่จะเข้ารับหน้าที่” ออก ซึ่งต่อมา ศย. ขอให้คงความในวรรคแรกของมาตรา 25/1 โดยชี้แจงภายหลังว่าอาจมีกรณีผู้พิพากษาสมทบครบสาระพร้อมกันทั้งศาล จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดให้ผู้พิพากษาสมทบที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าผู้พิพากษาสมทบคนใหม่จะเข้ารับหน้าที่ เพื่อมิให้เกิดช่องว่างในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ
นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนชื่อกรมรักษาดินแดน ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503 ตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) เสนอ และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยแก้ไขชื่อส่วนราชการและกฎกระทรวง ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2532) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503 จาก “กรมการรักษาดินแดน” เป็น “หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน” ทุกแห่ง
ส่วนเรื่องการปรับเงินเดือนอาสาสมัครทหารพราน ครม. มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยปัจจุบัน กห. มีการบรรจุอาสาสมัครทหารพราน จำนวน 23,500 นาย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสำหรับการปรับเงินเดือนเพิ่ม 1 ขั้น และการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของอาสาสมัครทหารพราน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ถึง 30 กันยายน 2558 ทั้งนี้ อาสาสมัครทหารพราน ซึ่งเป็นกำลังพลชั้นผู้น้อยให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ และสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้การปรับเงินเดือนเพิ่ม 1 ขั้น และการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของ อาสาสมัครทหารพราน ซึ่งเป็นกำลังพลชั้นผู้น้อยให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับสูงขึ้น