xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” สานต่อโครงการพระราชทานช่วยเหลือกัมพูชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีสานต่อโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพฯ เผย อาเซียนที่แข็งแรง คือ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน หลังทราบโครงการจะหมดอายุในวันที่ 30 กันยายนนี้

วันนี้ (15 ก.ย.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ตามที่ได้มีโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามพระราชดำริของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ได้มีการสร้างโรงเรียนในจังหวัดกัมปงเชอเตี่ย เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา และได้ขยายเป็นโรงเรียนระดับมัธยม โดยโครงการดังกล่าวได้มีมติเห็นชอบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 หลังจากนั้น ได้หยุดชะงักลง ระหว่างเกิดเหตุความไม่สงบของสถานทูตไทยในกัมพูชา

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เห็นว่า อาเซียนที่แข็งแรง คือ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จึงสานต่อโครงการดังกล่าว เพราะโครงการดังกล่าวจะหมดอายุในวันที่ 30 กันยายน นี้ และทางรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาของกัมพูชาได้เสนอว่าจะเปิดโรงเรียนอีกที่เกาะกง ซึ่งอยู่ใกล้กับประเทศไทย

โดยมีการขอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเบิกจ่ายงบประมาณไว้ที่กรมความร่วมมือระหว่างประเทศและกรมราชองครักษ์เป็นผู้รับผิดชอบ การลงนามบันทึกความเข้าใจขอให้สมุหราชองครักษ์ หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนาม และขอให้หน่วยราชต่าง ๆ ให้ความร่วมมือ

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหม (กรมราชองครักษ์) เสนอโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดังนี้

1. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 เพื่อให้กรมราชองครักษ์เป็นผู้เบิกจ่ายงบประมาณของโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา ด้านการศึกษา และด้านการสาธารณสุข โดยประสานกับกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และสำนักงบประมาณ (สงป.) เพื่อจัดทำแผนงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป

2. พิจารณาความเหมาะสมในการลงนามในบันทึกความตกลงโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาทั้งสองด้าน คือ ด้านการศึกษา และด้านการสาธารณสุข ทั้งนี้ โดยให้สมุหราชองครักษ์ หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากสมุหราชองครักษ์ เป็นผู้ลงนามแทน

3. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายสนับสนุนการดำเนินการ เรื่องการก่อสร้างการซ่อมแซม การปรนนิบัติบำรุง การพัฒนาบุคลากร หลักสูตรการศึกษา และตำรา ฯลฯ ตามที่คณะกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องตามโครงการพระราชทานที่กรมราชองครักษ์มีคำสั่งแต่งตั้งได้ร้องขอ โดยการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามระเบียบปฏิบัติของราชการต่าง ๆ โดยอนุโลม

4. ให้กรมราชองครักษ์พิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการดำเนินการ และคณะกรรมการอื่น ๆ เท่าที่จำเป็นและเกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินโครงการพระราชทาน จนเสร็จสิ้นต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง กระทรวงกลาโหม (กห.) กรมราชองครักษ์ รายงานว่า

1. โครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา ด้านการศึกษา และด้านการสาธารณสุข ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ (24 เม.ย. 44) มีผลการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้

1.1 โครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา ด้านการศึกษา ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันตามความตกลงโครงการและแผนงานจนได้รับคำชมเชยจาก ฯพณฯ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ว่า เป็นความช่วยเหลือที่ดียิ่ง และปราศจากการต้องการสิ่งตอบแทน ซึ่งเป็นคุณอเนกอนันต์ต่อชาวกัมพูชา ทำให้เยาวชนชาวกัมพูชาได้มีโอกาสรับพระราชทานทุนการศึกษา มาศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง จนถึงระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิตในประเทศไทย รวม 1,088 ทุน และเดินทางกลับกัมพูชา เพื่อรับราชการและประกอบกิจการส่วนตัว รวม 400 คน จึงขอพระราชทานขยายเวลาโครงการออกไปอีกเป็นเวลาห้าปี (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 - 30 กันยายน 2564)

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกัมพูชา ได้ขอพระราชทานจัดตั้งสถานศึกษาแห่งใหม่ที่จังหวัดกำปงสปือ ซึ่งทรงมีพระราชวินิจฉัยเห็นชอบ และโปรดให้คณะกรรมการด้านการศึกษา (ไทย และกัมพูชา) ไปดำเนินการจัดหาสถานที่ก่อสร้าง แผนการพัฒนาบุคลากรครู แผนการศึกษา ซึ่งคณะกรรมการทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันดำเนินการมา ซึ่งปัจจุบันนี้ได้จัดหาสถานที่ก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว ณ จังหวัดกำปงสปือ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีพื้นที่ 1,200 ไร่ (200 เฮกตาร์)

1.2 โครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชา ด้านสาธารณสุข ได้ดำเนินการตามแผนและข้อตกลงฉบับสุดท้ายที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2558 โดยได้คัดเลือกสรรหาเยาวชนในจังหวัดรัตนคีรี มณฑลคีรี เพื่อรับทุนพระราชทานไปศึกษาต่อในประเทศไทยหลักสูตรต่าง ๆ ด้านสาธารณสุข อาทิ ผู้ช่วยพยาบาลและพยาบาล รวมถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเพื่อปรับฐานความรู้ก่อนเข้ารับการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยเน้นที่วิชาการด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ ฯลฯ เพื่อให้กลับมาเป็นกำลังสำคัญในถิ่นกำเนิดของตนเอง และการอบรมระยะสั้น ๆ ในด้านการสาธารณสุขในท้องถิ่นหลายหลักสูตร หลายวิชา ทำให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเห็นความสำคัญ และตรงความต้องการของชาวกัมพูชา จึงได้ขอพระราชทานขยายเวลาออกไปอีก 5 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 - 30 กันยายน 2564) ด้วยเหตุผลเดียวกันกับด้านการศึกษา คือ ผลสัมฤทธิ์ที่ดียิ่ง และตรงความต้องการของชาวกัมพูชา


กำลังโหลดความคิดเห็น