“หัสวุฒิ”จัดหนัก ระบุการเมืองแทรกศาลปค. หวังเปลี่ยนผลคดีความมั่นคงในอนาคต ยกคดีถวิล เปลี่ยนศรีเป็นเหตุให้ถูกจำกัด ชี้ “ยิ่งลักษณ์”ส่งสัญญาณเรียกร้องให้นำคดีจำนำข้าวมาพิจารณาในศาลปค. สะท้อนกลุ่มตุลาการฯ ฝ่ายการเมืองยึดอำนาจศาลปค.แล้ว อัดซ้ำก.ศป.เชื่อ 23 ก.ย.นี้เตรียมลุแก่อำนาจเห็นชอบตามเสียงข้างน้อยปมจดหมายน้อย เพื่อมีมติไล่ออกจากราชการ
วันนี้(15 ก.ย.) ภายหลังเข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมและรับทราบข้อกล่าวหาพร้อมพยานหลักฐานสนับสนุน กับคณะกรรมการสอบสวนวินัย กรณีจดหมายน้อย
นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า เป็นการเข้าให้การครั้งที่ 3 หลังคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง( ก.ศป.) มีมติให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบเพิ่มเติม ซึ่งตนเห็นว่าไม่เป็นธรรม เพราะก่อนหน้านี้คณะกรรมการสอบวินัยได้มีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 เสียงเห็นว่าคดีดังกล่าวไม่มูลตามที่กล่าวหา ก.ศป.ก็ควรมีมติให้คืนตำแหน่งตนตาม แต่ก.ศป. กลับเห็นว่ามีประเด็นตามเสียงข้างน้อยจึงให้คณะกรรมการสอบวินัยไปดำเนินการ
“ก.ศป.ได้มีมติในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง จนคณะกรรมการสอบวินัยก็บอกว่าไม่มีอะไรจะสอบแล้ว แต่ก็ยังมามีมติอีกเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ทำให้วันนี้ผมต้องมาพบคณะกรรมการสอบวินัยก็ถามว่าอยากจะถามอะไรก็ให้ถามมา แต่คณะกรรมการฯกลับให้เอกสารมาแล้วให้ผมไปดูว่ามีประเด็นอะไรอยากชี้แจง ก็เลยบอกไปว่า ผมยืนยันคำให้การตามที่ได้ให้การไว้ในชั้นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงไม่เปลี่ยนแปลงและยืนยันตามเอกสารหลักฐานที่ได้ยื่นไปแล้ว”
ทั้งนี้นายหัสวุฒิ พยายามที่จะชี้ว่าการสอบสวนดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความเป็นธรรม มีความพยายามที่ถ่วงเวลา เพื่อให้นายไพบูลย์ เสียงก้อง ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ที่เป็นเสียงข้างมากในคณะกรรมการสอบวินัยที่เห็นว่าคดีไม่มีมูล หมดวาระเนื่องจากจะเกียษณอายุในปลายเดือนนี้ และจะมีการตั้งบุคคลอื่นมาทำหน้าที่กรรมการสอบสวนแทนเพื่อให้เสียงโหวตเปลี่ยนกลายเป็นว่าตนมีความผิด โดยขอให้จับตาการประชุมก.ศป.ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ ซึ่งทราบมาว่า จะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวและก.ศป.อาจลุแก่อำนาจ มีมติเห็นตามเสียงข้างน้อยว่าตนเอง และไล่ตนออกจากราชการก็ได้
“เป็นความพยายามที่จะกำจัดผมให้พ้นจากองค์กรนี้ ถ้าสอบเอาผิดเรื่องจดหมายน้อยไม่ได้ ก็จะเอาเรื่องอื่น ซึ่งมีหลายเรื่องมาสอบ พูดง่าย ๆ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกลก็เอาด้วยมนต์คาถา หรืออาจจะมีการจ้างคนมายิงผมก็ได้ แต่ผมไม่กลัวหรอก ” นายหัสวุฒิ กล่าวพร้อมตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่มีความพยายามเอาตนออกจากตำแหน่ง เพราะที่ผ่านมามีคดีเกี่ยวกับความมั่นคงหลายคดีที่ตนไม่เห็นด้วยตามที่เขาต้องการ เช่นคดีนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดโดยเสียงข้างมากมีมติให้คืนตำแหน่งเลขาฯสมช.ให้นายถวิลนับแต่ถูกปลดจากตำแหน่ง แต่ฝั่งเขากลับเห็นว่า ควรคืนตำแหน่งนับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไปแล้ว 60 วัน ซึ่งถ้าผลไปตามเขา จะเท่ากับว่า ที่อดีตนายกรัฐมนตรีปลดนายถวิลมาสองปี ไม่มีความผิดเลย ซึ่งไม่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า แสดงว่ามีการเมืองเข้าแทรกแซงศาลปกครองใช่หรือไม่ นายหัสวุฒิ กล่าวว่า มีหรือไม่มี ตนได้ยกตัวอย่างให้ฟังแล้ว ว่า ในคดีนายถวิลตนได้ทำให้การตัดสินไม่เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ เมื่อถามต่อว่า หากมีการแทรกแซงเหตุใดจึงไม่มีตุลาการศาลปกครองออกมาเคลื่อนไหวปกป้อง นายหัสวุฒิกล่าวว่า “ทุกคนตกอยู่ในความกลัว ๆ ถูกเล่นงานเหมือนผม 4-5 เดือนมานี้มีการโยกย้ายตำแหน่งต่าง ๆ และคดีสำคัญ ๆ ก็ไปอยู่ในมือของคน ๆเดียว ขอให้ติดตามดูการวินิจฉัยตัดสินคดีนับจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร
“ผมขอเรียกร้องความเป็นธรรมไปยังเจ้าของประเทศ ถ้าเห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมต้องออกมาเรียกร้อง ไม่ใช่ปล่อยให้ผมเรียกร้องอยู่คนเดียว เพราะเรื่องนี้มันเลยเรื่องตัวของผมไปแล้ว แต่เป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ และหลังจากนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับผม รับรองว่ามันไมได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ”
นายหัสวุฒิ ยังกล่าวถึงมติก.ศป.ที่ให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยกรณี ใช้งบไปตรวจราชการที่จ.พิษณุโลกโดยไม่ชอบ ว่า เป็นการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอย่างรีบเร่ง โดยไม่มีการเรียกคนที่รู้ข้อเท็จจริงไปสอบ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินกำลังสอบอยู่และตนทราบมาว่า เป็นสิ่งที่หน่วยงานต่างๆ ได้ปฏิบัติในทำนองเดียวกัน ข้อเท็จจริงการไปปฏิบัติราชการดังกล่าว มีอยู่ 2 เรื่องที่ให้ปฏิบัติในวันเดียวกัน คือ เป็นประธานโครงการปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ กับโครงการยกยอดฉัตร วัดพิพัฒน์มงคล ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย แต่กลับมีการบิดเบือนอ้างว่ามีการใช้งบประมาณโดยไม่ชอบ ซึ่งก็อยากตั้งคำถามถ้าไม่ไปตรวจราชการ ตนในฐานะประธานศาลปกครองสูงสุด และเป็นประธานโครงการดังวกล่าว จะสามารถเดินทางไปได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวนายหัสวุฒิ ยังได้ให้ทีมงานแจกเอกสารระบุถึงคดีสำคัญที่เป็นเหตุให้มีความพยายามกำจัดนายหัสวุฒิออกจากตำแหน่ง นอกจากคดีนายถวิล แล้วยังมีคดี เขาพระวิหารที่ศาลปกครองขณะนั้นสั่งห้ามไม่ให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ยินยอมให้กัมพูชาเอาข้อตกลงไปใช้ในการจดทะเบียนเป็นมรดก และคดีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดสั่งยกเลิกการแปรรูป ทำให้ผู้เกี่ยวข้องเกิดความไม่พอใจ รวมถึงมีการระบุว่า ขณะนี้กลุ่มตุลาการดังกล่าวของฝ่ายการเมือง ได้เข้ายึดศาลปกครองได้แล้ว จะได้ว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เรียกร้องให้นำคดีเกี่ยวกับการจำนำข้าวของตนมาพิจารณาที่ศาลปกครอง และยังมีคดีของฝ่ายการเมืองดังกล่าวอยู่ในศาลนี้อีกมาก อย่างไรก็ตามตลอดการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ของสำนักงานศาลปกครองก็ได้มีการบันทึกภาพ และเสียงการแถลงข่าว รวมถึงการปฏิบัติงานของสื่อด้วย.