ทนายเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาต่างชาติมีระเบิดไว้ครอบครองที่ถูกจับย่านหนองจอก เผยลูกความยันสัญชาติตุรกี ทำพาสปอร์ตปลอมที่เวียดนามก่อนนายหน้าพาเข้าไทยจากลาว อ้างอยู่ไทยอาศัยแต่ในห้องพักไม่มีสารประกอบระเบิด ไม่มีความรู้ด้านนี้ รับช่วงคุมตัวทหารดูแลดี แต่กังวลอาหารไม่ถูกหลักมุสลิม เล็งประสานญาติเพื่อสู้คดี ทหารเข้มพื้นที่คุมขังชั่วคราว
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 หรือ (พัน.ร.มทบ.11) นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเดม คาราดัก หรือนายบิลา เติร์ก มูฮัมหมัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทร และถูกจับกุมได้ภายในพูลอนันต์ อพาร์ทเมนต์ ย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา เดินทางเข้าเยี่ยมนายอาเดมภายหลังถูกนำตัวมาควบคุมไว้ยังเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครชัยศรี พร้อมกับนายไมไรลี ยูซูฟู ผู้ต้องหาคดีนี้อีกคน
ทั้งนี้ นายชูชาติให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบนายอาเดมว่า จากการพูดคุยก่อนหน้านี้นายอาเดมยืนยันว่าตัวเองมีสัญชาติตุรกี เดินทางมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อช่วงเดือนเมษายน ก่อนเดินทางไปพักที่เวียดนามและทำพาสปอร์ตปลอมโดยใช้ชื่อว่านายอาเดม คาราดัก จากนั้นเดินทางไปลาว และอาศัยอยู่ที่ลาว 35 วัน ก่อนที่นายหน้าทราบชื่อคือ นายอับดุลเลาะห์ เป็นผู้พาเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยพาไปพักอาศัยอยู่ที่พูลอนันต์ อพาร์ทเมนต์ ย่านหนองจอก และวันที่ 24 ส.ค.นายอับดุลเลาะห์ก็ได้มาพบนายอาเดม พร้อมระบุว่าอยู่ระหว่างดำเนินการพาไปประเทศที่ 3 และนายอาเดมยังอ้างว่าระหว่างพักอาศัยในประเทศไทยอาศัยอยู่แต่ภายในห้องพัก มีเพียงตู้เย็นและหม้อหุงข้าวเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก จนกระทั่งถูกจับกุมในวันที่ 29 ส.ค. โดยอ้างว่าภายในห้องพักไม่มีสารประกอบระเบิด แต่ของกลางที่พบเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าได้นำมาจากที่อื่นก่อนนำมาในห้องพักของนายอาเดมและบันทึกภาพ และยืนยันไม่มีความรู้เกี่ยวกับการประกอบระเบิดด้วย
นายชูชาติกล่าวต่อว่า ระหว่างถูกควบคุมตัวนายอาเดมระบุว่าทหารได้ดูแลเป็นอย่างดี และไม่กังวลกรณีถูกย้ายสถานที่ควบคุม เพราะมีการชี้แจงและทำความเข้าใจแล้ว แต่มีความกังวลในเรื่องอาหาร เพราะนายอาเดมค่อนข้างเคร่งครัดในการรับประทานอาหารอิสลาม และจากนี้ทางทนายความจะติดต่อญาติของนายอาเดมที่ประเทศตุรกี เพื่อเตรียมวางแผนการต่อสู้คดีความ ในประเด็นเบื้องต้นคือการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการใช้พาสปอร์ตปลอม แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อสถานทูตตุรกี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่บรรยากาศที่พัน.ร.มทบ.11นั้น เจ้าหน้าที่ทหารยังคงวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านเข้าออกอย่างละเอียด พร้อมบันทึกภาพหมายเลขทะเบียนด้วยกล้องดิจิตอล ส่วนสื่อมวลชนที่เฝ้าติดตามสถานการณ์นั้น ทหารไม่อนุญาตให้ตั้งกล้องบริเวณด้านหน้าพัน.ร.มทบ.11 โดยให้สังเกตการณ์อยู่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้น