รองโฆษกรัฐบาล เผย “ประยุทธ์” เตรียมบอกให้โลกรู้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ในการประชุมสหประชาชาติ แสดงวิสัยทัศน์ขจัดความเหลื่อมล้ำ ไม่เท่าเทียม การจัดการน้ำ บทบาทสตรี เน้นพัฒนาไม่ทิ้งเพื่อน จ่อคุยชาติอเมริกาใต้ แคริเบียน ยุโรป เลขาฯ ยูเอ็น หากใครอยากคุยก็พร้อมเจอ เชื่อหลายชาติก้าวข้ามผ่านรัฐประหาร แม้ไม่สนับสนุนแต่ก็เข้าใจ หวังทำให้นานาชาติได้รู้จักบริบทผู้นำ
วันนี้ (13 ก.ย.) พลตรี วีรชน สุคนธปฎิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 70 ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โชา นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนระหว่างวันที่ 23 กันยายน ถึง 1 ตุลาคมนี้ ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ว่า การประชุมในปีนี้ถือเป็นปีที่พิเศษมาก เพราะสหประชาชาติ มีอายุครบ 70 ปี ในเวทีนี้จะมีการพูดถึงความก้าวหน้าของแต่ละประเทศในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ว่า มีการพัฒนาในด้านไหนไปบ้าง และในอีก 15 ปี จะมีความร่วมมือในลักษณะไหนต่อไป โดยเฉพาะการพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการดำเนินการของไทย ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โอกาสนี้ไทยจะบอกและเล่าถึงประสบการณ์ ที่เดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาโดยตลอดตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ไทยผ่านวิกฤตต่าง ๆ มาหลายช่วง ที่ประชาชนในประเทศประสบปัญหา พร้อมแจกจ่ายหนังสือให้กับผู้ที่สนใจ พร้อมกันนี้ ไทยจะจัดนิทรรศการแสดงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อแนะนำให้ทั่วโลกได้รับรู้ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้นำหลายประเทศให้ความสนใจและสอบถามอยากทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ ก่อนนำไปใช้ในประเทศของเขา อย่างมีประสิทธิภาพ
พล.ต.วีรชน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะมีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์ หรือกล่าวถ้อยแถลงในหลายประเด็น อาทิ มติขจัดความเหลื่อมล่ำ ความไม่เท่าเทียมในสังคม ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ และมีจะการพูดถึงการบริหารจัดการน้ำ และการมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มเน้นเพิ่มบทบาทสตรี โดยในวันประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ จะเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ทิ้งประเทศใดไว้ข้างหลัง และต้องเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและสากล สำหรับการหารือนอกรอบในการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เน้นพบปะกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ ความร่วมมือด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศที่ไม่ค่อยมีโอกาสพบปะกัน อาทิ ประเทศกลุ่มหมู่เกาะละตินอเมริกา อย่างเช่น บราซิล ทะเลแคริเบียน กลุ่มประเทศในแถบยุโรปอีก 2 - 3 ประเทศ รวมถึงองค์กรต่างเกี่ยวกับการพัฒนาด้วย โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีจะหารือกับนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ หากประเทศไหนจะหารือทวิภาคีนายกรัฐมนตรีไทยก็พร้อม
พลตรี วีรชน ยังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมถ้อยแถลงที่สำคัญ ในเวทีนี้ 10 นาที ซึ่งสหประชาชนชาติกำหนดให้แต่ละประเทศขึ้นกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีจะพูดถึงบทบาทความร่วมมือไทยกับสหประชาชาติ และสิ่งที่ไทยเรียนรู้จากยูเอ็น รวมถึงการพัฒนา ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยนายกรัฐมนตรีมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในทั่วโลกมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ความไม่เท่าเทียม ดังนั้น การแก้ปัญหาต้องมี 2 ลักษณะคือ การพัฒนา และใช้กำลัง ซึ่งการใช้กำลังอย่างเดียวเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่เราจะต้องเข้าไปศึกษาปัญหาที่แท้จริงแต่ละกลุ่มแต่ละพื้นที่และทำความเข้าใจ หากพื้นที่ใดต้องการลดความเหลื่อมล้ำความยากจน ความไม่เสอมภาค ก็จะเน้นการพัฒนาเข้าไป ขณะเดียวกันพื้นที่มีเหตุรุนแรง ใช้กำลังต้องนำกำลังเข้าไปใช้ เพื่อรักษาสันติภาพ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องต้องทำควบคู่กันไป
พล.อ.วีรชน กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในบ้านเรา นายกรัฐมนตรีก็พร้อมชี้แจง หากมีการสอบถาม แต่เชื่อว่า ทุก ๆ ประเทศมองข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว แม้ต่างประเทศจะไม่สนับสนุน แต่เขาก็เข้าใจ ในสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการซึ่งส่วนใหญ่จะถามเรื่องความร่วมมือในอนาคตมากกว่า โดยเฉพาะในภูมิภาคนี้เรากำลังจะร่วมตัวกันเป็นประชาคมอาเเซียน นานาประเทศมองไทยมีบทบาทสำคัญ เพราะมีความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ และการเป็นศูนย์กลางความได้เปรียบเหล่านี้ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ตนเองอย่างเดียว แต่พยายามสื่อสารเพื่อนบ้านในอาเซียน ที่สนใจเข้ามาทำธุรกิจค้าขายในภูมิภาคนี้ ว่าไทยพร้อมเอื้ออำนวยความสะดวก ตามนโยบายไทยบวกหนึ่งที่เคยเสนอไป และพยายามบอกว่านโยบายของไทยไม่ใช่การแข่งขันหรือชิงดีชิงเด่นหรือก้าวหน้าแต่เพียงประเทศเดียว แต่เราต้องก้าวไปร่วมกันด้วยความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างหยั่งยืน ทั้งภูมิภาค ท้ายสุดการที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้ จะทำให้นานาประเทศในโลกได้รู้จักตัวตนเพราะที่ผ่านมาอาจจะรู้จักนายกรัฐมนตรีไทยหรือสถานการณ์ในไทยผ่านสื่อ ตรงนี้คงมีโอกาสได้พูดคุยทำความเข้าใจกันในบริบทของตัวผู้นำไทยอย่างชัดเจนขึ้น และมั่นใจว่า การประชุมในครั้งนี้ไทยจะประสบผลสำเร็จ