เอพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ล่าสุดในความคืบหน้าคดีบึ้มราชประสงค์ เอพีรายงานว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้แถลงความคืบหน้าล่าสุดของผู้ต้องสงสัยชายชาวต่างชาติที่สามารถจับกุมได้บริเวณแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชานั้นพูดภาษาตุรกี และจำเป็นต้องใช้ล่ามในการสอบปากคำ ในขณะที่ล่าสุดศาลไทยได้ออกหมายจับ Emrah Davutoglu สามีชาวตุรกี ของผู้ต้องสงสัยหญิงไทยมุสลิม วรรณา สวนสันต์ และเอพียังได้รายงานถึง ความรู้สึกของคนกรุงเทพฯที่ “ไม่รู้สึกปลอดภัย” หลังเกิดเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ
เอพีรายงานวันนี้(2)ว่า ศาลไทยได้ออกคำสั่งหมายจับ Emrah Davutogluสามีชาวตุรกี ของผู้ต้องสงสัยหญิงไทยมุสลิม วรรณา สวนสันต์ ในวันพุธ(2) หลังจากที่ทางตำรวจไทยเชื่อว่า ชายผู้นี้มีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายกลุ่มคนที่ให้ความช่วยเหลือในการอำนวยความสะดวกจัดหาที่พักให้กับกลุ่มคนร้ายมือระเบิดแยกราชประสงค์และสะพานสาธร
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางตำรวจไทยได้ออกหมายจับวรรณา สวนสันต์ ภรรยาหญืงไทยมุสลิมที่มีชื่อเป็นผู้เช่าห้องพักให้กับผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องในการวางระเบิด ที่ขณะนี้เธออ้างว่าได้อาศัยอยู่ในตุรกี แต่ทว่าจากการรายงานของสื่อไทยพบว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศไทยยังไม่ยืนยันว่าวรรณาอยู่ในตุรกีในเวลานี้จริงหรือไม่
และเอพียังรายงานเพิ่มเติมถึงผู้ต้องสงสัยคนสำคัญที่ถูกจับได้บริเวณใกล้พรมแดนไทย-กัมพูชาว่า จากการให้สัมภาษณ์ของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ระบุว่าผู้ต้องหาต่างชาติรายนี้พูดภาษาตุรกี และมีความจำเป็นต้องใช้ล่ามในการสอบปากคำ แต่ทว่าเอพีชี้ว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทางไทยได้จัดหาล่ามแล้วหรือไม่ หรือทางสถานทูตตุรกีประจำกรุงเทพฯได้ยื่นมือเข้าช่วยในเรื่องนี้
นอกจากนี้เอพียังรายงานถึง ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของชาวกรุงเทพฯหลังจากเกิดเหตุวางระเบิดแยกราชประสงค์ว่า ถึงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว คนไทยนั้นมักจะไม่จำฝังใจต่อเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น แต่ทว่ามีเสียผู้คนเป็นจำนวนมากยังวิตกถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องไปทำธุรติดต่อในบริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ และอีกทั้งยังหวาดวิตกว่า อาจจะมีเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นอีกในอนาคต
โดยหนึ่งในกลุ่มคนที่นักข่าวเอพีขอสัมภาษณ์คือ เอก ฉิมคำ (AEK CHIMKAM) วินมอเตอร์ไซด์รับจ้างตรงกันข้ามกับศาลพระพรหมเอราวัณ ได้เปิดเผยความรู้สึกว่า “ผมอยู่ที่นั่นในขณะเกิดเหตุ และผมได้เข้าช่วยเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บเพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล ผมได้เห็นผู้เสียชีวิต และคนที่มีเลือดออกไหลท่วม และจากภาพเหล่านั้นทำให้ผมนอนไม่หลับไปถึง 2 คืนเต็ม แต่ผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว ถึงแม้บางคืนยังต้องใช้เหล้าเพื่อทำให้หลับก็ตาม ผมยังจำกลิ่นคละคลุ้งในเหตุระเบิดได้ ซึ่งไม่สามารถบอกได้อย่างละเอียด รู้แต่เพียงว่า เป็นกลิ่นเนื้อที่กำลังไหม้”
และเอกยังกล่าวต่อไปว่า “ผมยังรู้สึกกังวลอยู่ เพราะยังไม่แน่ว่าอาจมีครั้งต่อไปก็เป็นได้ ผมไม่ต้องการติดไฟแดงที่แยกนั้น” ซึ่งเอกหมายถึงแยกราชประสงค์ และเขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “ผมเลือกที่จะใช้เส้นทางอื่นแทน”
และนอกจากนี้นางรำประจำศาลพระพรหมเอราวัล เช่น วิธิตา สิงหรัตน์(VITHITA SINGHARAT) ได้เปิดเผยความไม่มั่นคงในสวัสดีภาพกับเอพีว่า “ดิฉันไม่ทราบเลยว่า ตัวเองจะต้องจบชีวิตลงเมื่อใด และยังไม่รู้ว่าจะเกิดอีกครั้งเมื่อใด แต่ทว่าดิฉันจำเป็นต้องเดินทางมาที่ศาลแห่งนี้เพื่อทำงานหาเงินเลี้ยงชีพ”
และ นกูล พรพิริยะกุลชัย (NAKUL PORNPIRIYAKULCHAI) ผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สองวันหลังจากเกิดเหตุ ผมรู้สึกช็อกอย่างเป็นที่สุด แต่หลังจากอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทุกสิ่งกลับเข้าสู่ความปกติ และสิ่งนี้ยังเกิดขึ้นกับโลกโซเชียลมีเดียด้วย เพราะทุกคนต่างแชร์คนร้ายในเหตุวางระเบิดราชประสงค์เต็มไปหมด และหลังจากนั้นทุกคนต่างเลิกที่จะส่งรูป และในขณะนี้กลับสู่ภาวะสงบอีกครั้ง และเราทุกคนในโลกโซเชียลมีเดียกลับมาถ่ายเซลฟีคู่กับอาหารเหมือนตามปกติ พร้อมกับดื่มเบียร์” และนกูลหยุดไปชั่วครู่ก่อนกล่าวเพิ่มเติมว่า “แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ทุกคนยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือ และมีจุดประสงค์ใดแน่”
ซึ่งเอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ล่าสุดได้ออกมาให้ความเห็นถึงความน่าจะเป็นที่ทำให้เกิดเหตุระเบิดครั้งร้ายแรงกลางใจกลางกรุงเทพฯแห่งนี้ว่า อาจเป็นไปได้ว่า กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดราชประสงค์ เป็นกลุ่มเครือข่ายค้ามนุษย์ลักลอบนำชาวอุยกูร์ออกนอกจีน และรู้สึกเจ็บแค้นที่รัฐบาลไทยของเขาได้ขับชาวอุยกูร์ราว 109 คนกลับจีน ซึ่งศาลพระพรหมเอราวัลเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจีน และจึงอาจเป็นเป้าหมายการลงมือแก้แค้น