ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โอ่บึ้มราชประสงค์คืบ 70% แต่รับยังไม่ได้คุยผู้ต้องหาที่จับได้วานนี้ บอกส่งตัวให้ ผบช.น.แล้ว รอยืนยันอุยกูร์จริงหรือไม่ เผยพูดภาษาตุรกี แนะรออีกนิดรู้ใช่เสื้อเหลืองหรือไม่ แต่ชี้แนวทางใกล้เคียง เจ้าตัวยอมรับอยู่ในพื้นที่ เกี่ยวข้องกับคนที่จับได้ เข้าออกด่านนั้นเป็นปกติ ไม่รู้ “สาวพัทลุง” ขอมอบตัว โยนฝ่ายสืบสวนออกหมายจับเพิ่ม ยังไม่พูดสาเหตุกำลังต่อจิ๊กซอว์ ชูคดีเร็วกว่าบึ้มที่อื่น ส่วนพาสปอร์ตปลอมทั้งนั้น
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 กองทัพอากาศดอนเมือง เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าที่ ผบ.ตร. ซึ่งเดินทางมาพบและส่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขึ้นเครื่องบินไปปฏิบัติภารกิจในการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรว่า มีความคืบหน้าไป 70% แล้ว ส่วนการจับผู้ต้องสงสัยที่จับได้ที่จังหวัดสระแก้วนั้นตนยับไม่ได้พูดคุยด้วยและได้ส่งตัวให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลทันที เพราะหน้าที่ในการสอบสวนเป็นเรื่องของนครบาล
เมื่อถามว่า ตกลงแล้วเป็นชาวอุยกูร์หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตามพาสปอร์ตเขาเป็นแบบนั้น เราก็ดูตามเอกสาร แต่ทั้งนี้ต้องรอการยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงหรือปลอมด้วยหรือไม่ เมื่อถามว่าชายที่จับได้เขายอมพูดอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เขาก็พูดบางส่วน โดยเท่าที่ตนดูเขาพูดเป็นภาษาตุรกี และต้องมีการใช้ล่ามในการแปล เมื่อถามว่ามีแนวโน้มใกล้เคียงกับชายเสื้อเหลืองที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า รออีกนิดได้ไหม แต่ทุกอย่างก็เชื่อมโยงหมด เมื่อถามว่ายังขาดอะไรที่จะเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่าเขาคือมือวางระเบิด พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ต้องรอคุยกับเขา แต่แนวทางการสืบสวนมันใกล้เคียง
เมื่อถามว่า เจ้าตัวฏิเสธหรือว่ายอมรับ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ธรรมชาติของผู้ต้องหาเขาต้องปฏิเสธอยู่แล้ว แต่เขายอมรับว่าตอนเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ เขาบอกว่าอย่างนั้น เมื่อถามว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับนายเอเดม ผู้ต้องสงสัยที่จับได้คนแรกอย่างไรบ้าง รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า “เกี่ยวโยงกันอยู่แล้วเรื่องนี้ เขาอยู่ด้วยกัน พักอยู่ใกล้ๆ กันอยู่แล้ว” เมื่อถามว่า เขาเล่าให้ฟังหรือไม่ว่าใครเชื่อมโยงอะไรยังไง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ยัง แต่ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด เมื่อถามว่ามีการพูดถึงคนเสื้อฟ้าด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เราพูดกันเอง แต่เราก็ต้องตามหาอยู่แล้ว และเขาก็ยังไม่ได้บอกเบาะแสอะไร ทั้งนี้เราไม่ต้องคุยกับเขามากอยู่แล้ว เราก็เดินของเราอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ชายที่จับได้ที่สระแก้วเขากำลังจะเดินทางไปไหน พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เขาเข้าออกตรงนั้นเป็นปกติอยู่แล้ว
เมื่อถามถึง น.ส.วรรณา ที่มีข่าวว่าจะขอเข้ามอบตัวมีความคืบหน้าอะะไรบ้าง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนได้ข่าวนี้เช่นกัน แต่ตนไม่ได้เกี่ยวในส่วนนั้นเลย เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่เขาก็ดำเนินการไป เมื่อถามว่า มาถึงจุดนี้ใกล้เข้าไปถึงตัวผู้บงการหรือยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ก็อยากให้ถึงเหมือนกันทำมาขนาดนี้เต็มที่แล้ว 10 กว่าวันแล้ว เดินมาไม่ได้หยุดเลย เมื่อถามว่า จะมีการออกหมายจับเพิ่มอีกหรือไม่ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ทางฝ่ายสอบสวนน่าจะมี เพราะตนเห็นโครงแล้ว ซึ่งใครที่เกี่ยวข้องเราก็จะนำตัวมาพิสูจน์ทราบทั้งหมดเพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่
เมื่อถามว่านอกจาก น.ส.วรรณา ยังมีคนไทยที่จะโดนหมายจับหรือเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า คราวที่แล้วก็นำตัวผู้หญิงที่ขายโทรศัพท์มาแล้ว แต่ถ้าพาดพิงถึงใครเราก็จะนำตัวมาพิสูจน์ทราบทั้งหมดซึ่งมีอีกหลายคน เมื่อถามว่าที่เตรียมออกหมายจับอีกกี่คน รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ขอให้ถาม ผบ.ช.น.เพราะมีหน้าที่สืบสวน เมื่อถามว่าเครือข่ายนี้เชื่อมโยงอีกเยอะหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เยอะ ถามว่าตอนนี้บอกได้หรือยังว่าสาเหตุของการก่อเหตุมาจากอะไร พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ยังไม่อยากบอกว่าสาเหตุอะไร มันยังมีหลายสาเหตุ ไม่อยากตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เดี๋ยวผิดพลาดไปมันลำบาก รวมทั้งยังไม่ได้ตัดประเด็นภายในประเทศและการเมือง ทุกประเด็นยังอยู่ครบหมด เราค่อยๆ ต่อจิ๊กซอว์ไปเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า มาถูกเป้าถูกทางแล้วใช่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าจากประสบการณ์การทำงานมาถูกทางอยู่แล้ว ผมว่าเร็วกว่าคดีเหตุระเบิดที่อื่นด้วยซ้ำ ที่อื่นเป็นปีกว่าจะได้รู้ตัว แต่นี่เราแค่ 14-15 วันเอง ทำมาได้ขนาดนี้”
เมื่อถามถึงความร่วมมือของนายเอเดม ผู้ต้องสงสัยคนแรกให้ความร่วมมือดีขึ้นหรือยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ธรรมชาติของพวกนี้โอกาสที่เขาจะพูดมีน้อย แต่เราก็มีพยานหลักฐานอย่างอื่นมาสนับสนุนอยู่แล้ว เมื่อถามว่านายเอเดมเป็นชาวตุรกีหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนจำไม่ได้ เพราะตัวละครมันเยอะ เพราะเท่าที่ดูน่าจะเป็นพาสปอร์ตปลอมทั้งนั้น แต่รูปเขาเป็นรูปจริง ศัพท์เขาเรียกว่าผ่าเล่ม เพราะตนเคยเป็นผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ