สำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา อบรมโรคจากวิถีชีวิต มหันตภัยเงียบ แนะแนวทางดูแลรักษาสุขภาพ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย พักผ่อน
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่รัฐสภา สำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดฝึกอบรมในโครงการมารู้จักโรคจากวิถีชีวิต มหันตภัยเงียบ รุ่นที่ 2 ที่ห้องสารนิเทศ อาคารัฐสภา 1 เพื่อให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และบุคลากรในวงงานรัฐสภา ตระหนักถึงปัญหาของโรคเสี่ยงภัย และแนวทางการดูแลรักษาสุขภาพให้มีชีวิตมั่นคง โดยมีนายอนุวัต ตันติวงศ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วม
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ปี 2552 พบว่า คนไทยเป็นโรคในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเพิ่มขึ้นนาทีละ 1 คน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มวัยทำงานที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการเสียชีวิตอันดับต้นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ขณะเดียวกัน สถานการณ์ผู้ป่วยโรคมะเร็งในไทยติดอันดับ 1 ถึง 13 ปีซ้อน และยังเกิดภาวะคนไทยอ้วนและน้ำหนักเกินมาตรฐานเป็นอันดับ 5 ของเอเชีย ทั้งหมดเกิดจากพฤติกรรมนิสัยการใช้ชีวิต รวมถึงการบริโภคอาหาร
นางสุมณี วัชรสินธุ์ แพทย์ชำนาญการพิเศษ ได้แนะแนวทางการดูปัจจัยเสี่ยงของโรค และการป้องกัน อาทิ โรคเบาหวานจะมีระดับค่าน้ำตาลในเลือดมากกว่า 126 มิลลิกรัม ขณะที่ค่าน้ำตาลตั้งแต่ 100-125 มิลลิกรัม ก็ถือว่ามีความเสี่ยง ปัจจัยความเสี่ยงมาจากภาวะผู้ที่มีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะเพศหญิงที่ไม่ดูแลสุขภาพ การมีน้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วน การมีพฤติกรรมไม่ฝึกเปลี่ยนอิริยาบถโดยมักอยู่กับที่นานๆ ทั้งนี้ อาการของผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจะปวดหัว อ่อนเพลีย เนื่องจากการกินยาผิดเวลา หรือกินยามากเกินไป ขณะที่ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงนั้นส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวมาก่อนจนเกิดภาวะช็อกในทันที การป้องกันจึงควรมีการรับประทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายให้มีความต่อเนื่องถึง 30 นาที การพักผ่อนอย่างเพียงพอตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มเพื่อให้สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ทั้งหมดนี้หากสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ถึง 58 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับการกินยาที่ช่วยได้เพียง 31 เปอร์เซ็นต์
ด้านนางอัจฉรา ภักดีพินิจ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ กล่าวว่า วิธีการตรวจสุขภาพเบื้องต้นของผู้ที่มีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง สามารถสังเกตตั้งแต่ใบหน้ามีอาการปากเบี้ยว มุมปากตก ไม่สามารถขยับแขนขาได้ การพูดผิดปกติ หากมีอาการควรรีบส่งแพทย์ภายใน 3 ชั่วโมงเพื่อให้การรักษาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่รัฐสภา สำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดฝึกอบรมในโครงการมารู้จักโรคจากวิถีชีวิต มหันตภัยเงียบ รุ่นที่ 2 ที่ห้องสารนิเทศ อาคารัฐสภา 1 เพื่อให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และบุคลากรในวงงานรัฐสภา ตระหนักถึงปัญหาของโรคเสี่ยงภัย และแนวทางการดูแลรักษาสุขภาพให้มีชีวิตมั่นคง โดยมีนายอนุวัต ตันติวงศ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วม
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ปี 2552 พบว่า คนไทยเป็นโรคในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเพิ่มขึ้นนาทีละ 1 คน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มวัยทำงานที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการเสียชีวิตอันดับต้นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ขณะเดียวกัน สถานการณ์ผู้ป่วยโรคมะเร็งในไทยติดอันดับ 1 ถึง 13 ปีซ้อน และยังเกิดภาวะคนไทยอ้วนและน้ำหนักเกินมาตรฐานเป็นอันดับ 5 ของเอเชีย ทั้งหมดเกิดจากพฤติกรรมนิสัยการใช้ชีวิต รวมถึงการบริโภคอาหาร
นางสุมณี วัชรสินธุ์ แพทย์ชำนาญการพิเศษ ได้แนะแนวทางการดูปัจจัยเสี่ยงของโรค และการป้องกัน อาทิ โรคเบาหวานจะมีระดับค่าน้ำตาลในเลือดมากกว่า 126 มิลลิกรัม ขณะที่ค่าน้ำตาลตั้งแต่ 100-125 มิลลิกรัม ก็ถือว่ามีความเสี่ยง ปัจจัยความเสี่ยงมาจากภาวะผู้ที่มีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะเพศหญิงที่ไม่ดูแลสุขภาพ การมีน้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วน การมีพฤติกรรมไม่ฝึกเปลี่ยนอิริยาบถโดยมักอยู่กับที่นานๆ ทั้งนี้ อาการของผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจะปวดหัว อ่อนเพลีย เนื่องจากการกินยาผิดเวลา หรือกินยามากเกินไป ขณะที่ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงนั้นส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวมาก่อนจนเกิดภาวะช็อกในทันที การป้องกันจึงควรมีการรับประทานอาหารที่ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายให้มีความต่อเนื่องถึง 30 นาที การพักผ่อนอย่างเพียงพอตั้งแต่เวลา 4 ทุ่มเพื่อให้สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ทั้งหมดนี้หากสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ถึง 58 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับการกินยาที่ช่วยได้เพียง 31 เปอร์เซ็นต์
ด้านนางอัจฉรา ภักดีพินิจ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ กล่าวว่า วิธีการตรวจสุขภาพเบื้องต้นของผู้ที่มีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง สามารถสังเกตตั้งแต่ใบหน้ามีอาการปากเบี้ยว มุมปากตก ไม่สามารถขยับแขนขาได้ การพูดผิดปกติ หากมีอาการควรรีบส่งแพทย์ภายใน 3 ชั่วโมงเพื่อให้การรักษาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
