“ประยุทธ์” เผยประสานจีน-ทุกประเทศ รวบ “อิซาน” ผู้บงการบึ้ม รับจับให้ได้ก่อนถึงดูกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างแรงจูงใจดึง SME กว่า 2 ล้านรายเข้าสู่ระบบ ขออย่ากังวลเรื่องภาษี พร้อมแยกประเภทออกมาเป็น 3 กลุ่มเพื่อหามาตรการช่วย
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรืออิซาน ผู้บงการวางระเบิดแยกราชประสงค์ หลบหนีเข้าประเทศจีนว่า ประสานไปแล้วประสานอยู่ทุกประเทศ เมื่อถามว่าจะมีการใช้กฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จับให้ได้ก่อน ถ้าประเทศไหนมีกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนก็จะมีการประสานกันว่าจะส่งได้อย่างไร อย่าง กฎหมายคดี 112 ของเรา เขาไม่ส่งมา เพราะบ้านเขาไม่มี มันมีวัฒนธรรมต่างกัน ของเราก็เป็นของเรา ไม่ต้องเอาของเขามาทั้งหมด เพียงแต่เราต้องรักษากติกาตามพันธสัญญาให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 3/2558 ว่า การประชุมวันนี้มีหลายด้านที่มีความก้าวหน้า โดยรัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับวิสาหกิจหลายระดับ นอกจากนี้ยังได้นำแนวทางของพระบทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาขับเคลื่อนประเทศ ทั้งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ยุทธศาสตร์การพัฒนา เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา นำทั้งหมดมาวางแผนงาน โครงการเพื่อความยั่งยืน ยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ โดยธุรกิจระดับล่างนั้นค่อนข้างมีปัญหาเพราะมีอยู่จำนวนมาก ทั้งยังเกี่ยวข้องกับการเกษตรและธุรกิจเล็กๆ ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะมีการทบทวนการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน องค์ความรู้โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สสว.ได้มีการปรับไปบ้างแล้วตั้งแต่ที่ คสช.เข้ามา โดยนำมาขึ้นตรงกับสำนักนายกฯ มีนายกฯ เป็นประธาน ให้ความสำคัญในเชิงบริหารมากขึ้น เพื่อเกิดการบูรณาการกับกระทรวงต่างๆ ทั้ง 1. งบประมาณจากรัฐ 2. จากกองทุน 3. ความร่วมมือกับเอกชน ทั้งนี้ เอสเอ็มอีมีทั้งหมด 2.7 ล้านราย ขึ้นทะเบียนกับหอการค้าเพียง 7 แสนราย รัฐบาลจะสร้างแรงจูงให้เพื่อให้อีก 2 ล้านรายเข้ามาในระบบให้ได้ แต่ไม่อยากให้ผู้ประกอบการกังวลเรื่องการเสียภาษี เพราะยังไม่มีการพูดถึงจุดนั้น วันนี้จำเป็นต้องเข้าสู่ระบบโดยมอบหมายกระทรวงการคลังดูแลระบบภาษีแล้ว ดังนั้นวันนี้ต้องไม่มีการพูดถึงการนิรโทษกรรมทางภาษีเนื่องจากไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เวทีโลกให้ความสนใจกับเอสเอ็มอีมาก แต่ละประเทศต้องให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอี เพราะมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ เราต้องขับเคลื่อนนักธุรกิจขนาดเล็กให้ขึ้นเป็นขนาดกลาง และสร้างนักธุรกิจใหม่ขึ้นมาแทน เพื่อให้เจริญเติมโตไปด้วยกัน วันนี้เราดูแลทุกประเทศ ทั้งการค้า การลงทุน ไม่ว่าจะยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ทั้งหมดที่มาลงทุนในประเทศเรา นี่เป็นสิ่งที่เป็นรายได้ของเราและของเขา จะมีการลงทุนหลายแสนล้าน อยู่ในประเทศไทยเป็นอันดับที่สอง อย่างไรก็ตาม การประชุมวันนี้ได้สั่งการให้แยกประเภทของเอสเอ็มอีออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มที่มีความแข็งแรง 2. กลุ่มที่จะขยายกิจการภายในประเทศ และออกนอกประเทศ 3. กลุ่มที่กำลังเริ่มต้น ฟื้นฟู โดยต้องหาทุนช่วยเหลือ และได้มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความรู้ว่าหมื่นกิจการ