กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนห่วงการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อผสมแบบเยอรมนีในร่างรัฐธรรมนูญจะสร้างปัญหาให้ กกต.อย่างมาก โดยเฉพาะการคำนวณคะแนนบัญชีรายชื่อผสม พรรคการเมืองอาจหาข้ออ้างว่าผิด นำไปสู่การประท้วง สร้างความวุ่นวาย
นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย สรุปประเด็นปัญหาการประชุมเชิงวิชาการในการดำเนินคดีการเลือกตั้งระดับภูมิภาค ตอนหนึ่งว่า รายงานการแบ่งกลุ่มสัมมนาครั้งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์มาก เพราะมีการพูดคุยกันเรื่องกฎหมาย ทั้งนี้ เครื่องมือในการสืบสวนสอบสวนของ กกต.ได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
นายบุญส่งกล่าวว่า ในร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่า มาตรการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อผสมการเลือกตั้งแบบเยอรมนียังอยู่ ถามว่าถ้ายังอยู่จะเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นการสร้างปัญหาให้ กกต.อย่างมาก กกต.จะต้องเข้ามาคำนวณคะแนนบัญชีรายชื่อผสม ทั้งนี้ นักการเมืองพรรคใหญ่เหมือนคำนวณถูกต้องอย่างไรก็หาข้ออ้างว่าผิด ประชาชนที่หวังว่าจะได้พรรคที่ตนต้องการแต่ก็ไม่ได้ จึงก่อให้เกิดผลตามมาที่หลัง เช่น การประท้วงต่างๆ แต่เดิมตนคิดว่ายกเลิกระบบเลือกตั้งออกจากร่างรัฐธรรมนูญไปแล้ว หากเจ้าหน้าที่ กกต.ยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้เท่าที่ควร แล้วจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจได้อย่างไร หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านก็จะเป็นปัญหาที่จะต้องคิดกันอีกรอบแน่นอน และการปฏิรูปกฎหมายมีความพยายามอยากให้เราแก้กฎหมายหลายเรื่อง แต่ไม่มีการแก้กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นเลย ตนจึงให้พนักงานเริ่มแก้โดยจัดให้เป็นหมวดหมู่ พอเสนอมายังตนแล้ว ก็จะนำเสนอที่ประชุม กกต.ต่อไป
นายบุญส่งกล่าวว่า การหาเสียงของพรรคการเมืองท้องถิ่นก่อนครบวาระ มีบางกลุ่มเสนอ 60 วัน และ 90 วัน แต่ร่างกฎหมายที่ กกต.ส่งไปนั้น 180 วัน แต่อาจจะมีการเสนอเงื่อนไขแบบละเอียด ซึ่งไม่ต้องกลัว ในส่วนของคนยกร่างจะว่าอย่างไรนั้นก็คงต้องรอดู อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะกี่วันคนที่ทำความผิดก็จะสามารถดำเนินการตอนนั้นได้เลย เพราะที่จริงมันสามารถทำได้ตลอด และมีอีกประเด็นคือ การลาออกก่อนครบวาระ ทำให้เสียงบประมาณจำนวนมากในการจัดเลือกตั้งใหม่ เมื่อลาออกอย่างนี้กฎหมายก็ไม่ได้กำหนดไว้ และการที่ลาออกก่อนครบกำหนดตนได้เสนอเพิ่มเติมลงไปในร่างรัฐธรรมนูญว่า หากผู้ถูกร้องเรียนมีความผิดจริง ตามกฎหมายฉบับเดิมจะตัดสิทธินักการเมือง 1 ปี ตนคิดไปไกลกว่านั้น คือ ควรสั่งเว้นวรรคการลงสมัครเลือกตั้งของคู่สมรสทางพฤตินัยด้วย แม้จะมีแนวคิดให้ชดใช้ค่าเลือกตั้งใหม่ แต่จำนวนเงินนี้สำหรับคนที่คิดว่าทุจริตถือว่าไม่มาก เพราะทุจริตอีกครั้งสองครั้งก็คุ้มแล้ว