นายกรัฐมนตรีแทงกั๊กร่างรัฐธรรมนูญ แต่หนุนให้มี คปป. ถามกลับถ้าไม่มีทำยังไงประเทศติดล็อก อดีตนายกฯ ไม่ลาออก จะให้ทหารปฏิวัติอีกหรือ ปัดเอี่ยวอยู่ในอำนาจต่อ ทำแค่รักษาความสงบ วางพื้นฐานประเทศ และปฏิรูประยะยาว คสช. ไม่ได้ประโยชน์ วอนสื่อเขียนถึงหมวดอื่นด้วย อย่าเขียนแต่เรื่องเดิมๆ รับทราบ “เทือก” บอกปฏิรูปน้อยไปโดยเฉพาะตำรวจ ถามกลับทำทีเดียวสำเร็จหรือไม่
วันนี้ (1 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำหรับท่าทีต่อร่างรัฐธรรมนูญนั้นตนและรัฐบาลต้องอยู่ในบทบาทที่เหมาะสม เพราะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไม่ควรนำมาเป็นความขัดแย้งแล้วต่อต้านกันอีก เพราะส่วนหนึ่งต้องการประชาธิปไตย 100% ส่วนอีกพวกต้องการให้มีมาตรการแก้ไขปัญหา เพราะความขัดแย้งเกิดมา 8 ปี มีการประท้วงมา 700 กว่าวัน และก่อนวันที่ 22 พ.ค.มีความรุนแรง มีคนตาย บาดเจ็บ แต่ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหลังจากนี้มีปัญหาเจอการประท้วง แก้ปัญหาไม่ได้ เลือกตั้งไม่ได้ จะทำอย่างไรนี่คือส่วนหนึ่งของเหตุผลที่มีความจำเป็นต้องมีอะไรเข้ามากำกับดูแลเรื่องเช่นนี้ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ถ้ามีได้ก็มีไป แต่ถ้ามีไม่ได้แล้วเกิดสถานการณ์ที่ประเทศติดล็อกเดินหน้าไม่ได้ รัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณไม่ได้ ลาออกก็ไม่ลาออกอย่างที่ผ่านมา จะทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องกำหนดกติกาขึ้นมา
“ผมไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้รัฐบาลต้องอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ มันไม่เกี่ยวกับผม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชามติ ผมจะไปชี้ชัดอะไรมากไม่ได้ เพราะมอบหมายความรับผิดชอบให้เขาไปแล้ว ผมมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย เดินหน้าประเทศ วางพื้นฐานประเทศ และคิดว่าจะปฏิรูปประเทศอย่างไรในระยะยาว ถ้าเลือกตั้งแล้วมั่นใจว่าไม่มีปัญหาก็ทำไป แต่ถ้าไม่ไว้ใจก็รับฟังข้อเสนอมา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การสร้างความเข้มแข็งเชิงโครงสร้างให้แก่ประเทศ ต้องทำต่อในช่วงของการปฏิรูปหากรัฐบาลใหม่รับรองว่าจะทำการปฏิรูป แต่เวลานี้ตนกลับยังไม่ได้ยินใครพูดเรื่องการปฏิรูป และเขายังไม่รู้เลยว่าการปฏิรูปคืออะไร สื่อมวลชนต้องไปถามว่าถ้าจะอาสาสมัครมาดูแลประชาชนต้องพูดว่าจะปฏิรูปอย่างไร มีแผนหรือไม่ และสิ่งที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำวันนี้มีแผนการทั้งหมด แต่ไม่ได้เขียนกรอบระยะเวลา เป็นหน้าที่ของรัฐบาลหน้าต้องไปทำแผนมา ไม่ใช่ตน และถ้ามี คปป.ก็มีหน้าที่จะดูว่าการปฏิรูปนั้นว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าพึงพอใจหรือไม่ มิเช่นนั้นจะไม่มีการประเมิน หากทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมปแล้วรัฐบาลหน้าต้องมาสายงานต่อที่ตนได้ทำไว้ อยู่ที่ว่าวันนี้เราได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไรไว้บ้าง
“ผมไม่อยากให้คำพูดว่าไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่านแล้ว คสช.จะได้ประโยชน์ และที่ว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านก็มี คปป.อีก ถามว่า คปป.ให้ประโยชน์ตรงไหน ผมอยากจะรู้ว่าประโยชน์ที่ว่ากันนั้นคืออะไร หากประโยชน์คืออำนาจและผลประโยชน์ ผมไม่มีผลประโยชน์ และอำนาจผมก็ไม่อยากได้ แต่เมื่อประชาชนเดือดร้อนผมจึงเข้ามา เรื่องของ คปป.นั้น อำนาจไม่ได้ทับซ้อนกับรัฐบาล และไม่ได้มีอำนาจทางบริหารหรือนิติบัญญัติ จะมีอำนาจต่อเมื่อเกิดสถานการณ์ และเข้ามาแก้ปัญหาความรุนแรง เพราะถ้าไม่มีถ้าเจ้าหน้าที่ทำอะไรลงไปอาจจะติดคุกได้ เช่นเดียวกับที่ผมเข้ามาโดยต้องมีอำนาจตามกฎอัยการศึก จะได้ไม่ถูกไล่ล่า” นายกฯ ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า วันนี้ที่ตนเข้ามาไม่ได้ต้องการอะไร มีเพียงกฎอัยการศึกอย่างเดียวที่จะหยุดความรุนแรงและเดินหน้าประเทศได้ ยอมรับว่าตนเข้ามาไม่ถูกต้อง เพราะอย่างไรเสียประชาธิปไตยต้องดีกว่าอยู่แล้ว แต่ควรจะเป็นแค่ไหน ระยะเวลาใดควรมีใครมากำกับดูแลหรือไม่ โดยไม่ทับอำนาจรัฐบาล รัฐบาลจะมีอำนาจเต็มจนกว่าจะเกิดวิกฤต ถ้าไม่เช่นนั้นใครจะมาแก้จะให้ทหารปฏิวัติอีกหรือ ตรงนี้ที่เขาทำมาคือ ไม่ต้องการให้มีการปฏิวัติอีก สิ่งเหล่านี้ต้องให้ประชาชนเข้าใจว่า เขาตั้งใจเขียนถึงอำนาจ คปป.ไว้เช่นไร ที่ผ่านมานักการเมืองชี้นำไปเรื่อยในจุดที่เขาไม่เห็นด้วยโดยจะให้ประชาชนไม่เห็นด้วยตามไปด้วย ถ้ารัฐบาลในอนาคตสามารถทำได้ตามที่สัญญาไว้ ตนก็ไม่ได้อยากเกี่ยวข้อง เพียงแต่ห่วงว่าวันหน้าจะมีปัญหาเหมือนเดิมขึ้นมาอีกไหม ถ้าคิดว่าปัญหาไม่เกิดก็เป็นเรื่องของคน เลือกตั้งได้ก็เลือกไป แต่ถ้าไม่มั่นใจจำเป็นต้องดูแลหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอให้สื่อที่นำเสนอเรื่อง คปป.แล้วขอให้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในหมวดอื่นๆ ด้วยในทุกมาตรา ตนกลุ้มใจที่ผลสำรวจออกมาว่าประชาชนไม่รู้จัก สปช., สนช.ว่ามีหน้าที่ทำอะไรกัน ตรงนี้สื่อจะช่วยได้มาก อย่าเขียนแต่เรื่องเดิมๆ ที่เป็นความขัดแย้ง เช่น ตั้งทหาร ตำรวจ มีพรรคมีพวก ตนไม่ได้ต้องการพวก มีแต่จะต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ไม่แสวงหาผลประโยชน์ จะเอาอะไรกันนักหนา ถามว่าคนที่มีเงินหมื่นล้านแสนล้านได้ใช้เงินกันบ้างหรือไม่
เมื่อถามต่อถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ออกมาระบุว่าการปฏิรูปน้อยไปโดยเฉพาะเรื่องตำรวจ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนรับทราบเรื่องดังกล่าว แต่ต้องมีการขับเคลื่อนกันต่อ ให้ทำทีเดียวจะสำเร็จหรือไม่ เราไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้นเพราะมีความขัดแย้ง ถ้าบ้านเมืองสงบก็ทำได้เร็ว ทุกอย่างต้องเริ่มที่วุฒิภาวะ ของคนก็ต้องเริ่มที่การศึกษา การจะเอาคนไปเป็นทหารและตำรวจต้องมีจิตสำนึก