“นายกรัฐมนตรี” เผยเองได้รับรายงานจับกุมผู้ต้องสงสัยระเบิดราชประสงค์ ได้ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจนถึงสาเหตุ วอนอย่าเพิ่งพูดเพราะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ระบุเท่าที่รู้ไม่ใช่คนไทย แจงคุยกับสถานทูตตุรกีมาตลอดไม่น่าจะทำแต่เป็นไปได้สูง
วันนี้ (1 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าจับผู้ต้องสังสัยเห็นระเบิดราชประสงค์ว่า มีความคืบหน้าตามลำดับ โดยจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ชี้แจง ขอร้องว่าถ้ายังไม่มีอะไรชัดเจนจากแหล่งที่เป็นราชการถ้าพูดออกไปจะทำให้เกิดความเสียหาย ขณะเดียวกัน ยืนยันว่าไม่ได้มีการปกปิด ถ้าใช่ก็ต้องเพิ่มมาตราการในการป้องกัน ป้องปรามในเรื่องเทคโนโลยี โดยรัฐบาลจะจัดหางบประมาณเพิ่มเติมให้ และทุกฝ่ายก็ต้องร่วมมือจะมาบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีความสามารถ ไม่มีประสิทธิภาพก็ไม่เป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ ถ้าโยนให้ทหาร ตำรวจดูแลโดยไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการแจ้งเตือน เฝ้าระวังก็ทำไม่ได้จึงขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือ
ส่วนปัญหาการก่อเหตุรุนแรงมีหลายอย่าง คือ อยู่ในขั้นตอนการทำผิดกฎหมายอาญา และเรื่องของการก่อเหตุรุนแรงด้วยความไม่เข้าใจหรือผู้ที่เห็นต่างก็เป็นอีกเรื่อง ส่วนเรื่องการก่อการร้ายเป็นการกระทำที่จะต้องมีการกล่าวอ้างความรับผิดชอบและมีข้อเสนอที่จะต้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามจึงเรียกว่าเป็นการก่อการร้าย
ทั้งนี้ ที่มีการแถลงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสาเหตุของการวางระเบิดเป็นความแค้นส่วนตัว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ยังไม่มีความชัดเจน เดี๋ยวก็รู้ มันพูดได้หลายสาเหตุอย่างที่ว่า อย่าให้ผมทวนบ่อย พูดไปพูดมาเดี๋ยวจะไม่เหมือนเดิม มันจะอะไรเดี๋ยวก็รู้ ผมยืนยันว่ายังไงก็รู้แน่นอน” ส่วนที่มีการระบุว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้ยินข่าว ที่ผ่านมาก็มีเจ้าหน้าที่รัฐเลวๆ ไม่ใช่หรือ ทราบเพียงว่ามีความคืบหน้าในคนที่ออกหมายจับไปหรือคนที่ถูกจับกุมแล้ว รอฟังเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้รับรายงานเรื่องจับชายเสื้อเหลืองที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์แล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า ได้รับรายงานว่ามีการจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ฝั่งบ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จำนวน 1 ราย ได้รับรายงานและติดตามตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 31 ส.ค. และจับกุมตัวได้ช่วงเช้าของวันนี้ โดยกำลังนำตัวมาสอบสวนที่กรุงเทพฯ เข้าใจว่ากำลังเตรียมตัวหนี ทั้งนี้ต้องรอการสอบสวนว่าใช่มือวางระเบิดหรือไม่ โดยมีการสั่งการทุกที่ให้มีการตั้งด่านตรวจสกัด เมื่อพบบุคคลต้องสงสัยก็จับมา และบังเอิญว่าใกล้เคียงจึงต้องมีการพิสูจน์ลายนิ้วมือและความเชื่อมโยงอีก ถ้าใช่ก็คือใช่ ขณะนี้กำลังหาคนวางระเบิด คนสั่งการ คนใช้โทรศัพท์อีก จึงค่อยๆ ทำ
“เอาน่า ถ้ามันได้ก็ดี จะได้รู้ว่ามาอย่างไร มาจากไหน ใครทำ ใครสั่ง อย่าเพิ่งไปพูดเรื่องนี้ เรื่องนู้น เพราะจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถ้ามันชัดเจนเกิดอย่างนี้จริงก็ขอความร่วมมือกับเขาวันหน้าจะได้ไม่เกิดขึ้น โทษกันไปโทษกันมาไม่ได้อะไรเลย ซึ่งวันนี้มีการจับได้ที่แฟลตได้ส่วนหนึ่ง และวันนี้ก็จับได้อีก 1 คน คนนี้น่าจะสำคัญในการเชื่อมโยงกับคนที่จับกุมมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเท่าที่รู้ไม่ใช่คนไทย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในการประสานกับทางประเทศตุรกีอย่างเป็นทางการนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับทางสถาทูตมาโดยตลอด เขายืนยันว่าไม่น่าจะทำแต่ความเป็นไปได้มันสูงทุกอัน เหมือนกับบ้านเราที่ยังคุมคนไม่ได้ทั้งหมด แต่ถ้าไม่ใช่ก็ดีไม่อยากให้มีผลกระทบ ถ้าเรายิ่งเสนอข่าวแล้วไม่ใช่สถานการณ์ยิ่งบานปลาย แต่ถ้าใช่ก็ต้องมาแก้กัน ไม่มีอะไรร้ายแรงเกินกว่าที่เราจะแก้ไขได้ถ้าเราช่วยกัน
