นายกรัฐมนตรีให้โอวาทเยาวชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ แจงกำลังเดินหน้าปฏิรูปกฎหมายลดความเหลื่อมล้ำ ดักคอร่างรัฐธรรมนูญ โหวตผ่านก็โดนด่าถูกบังคับ ไม่ผ่านก็สืบทอดอำนาจ แนะอยู่อย่างสันติ ปราศจากขัดแย้ง เผยปัญหาภาคใต้เรื่องปฏิสัมพันธ์ มีทั้งคนหวังดีและไม่หวังดีพูดให้เลวร้ายกว่าเดิม ต้องแก้ทั้งระบบ ยันไม่ใช่คนเก่ง คงแก้ปัญหาให้ทุกคนพอใจไม่ได้ แต่ต้องหาตรงกลาง ฝากยุติธรรมแจงกฎหมายใกล้ตัว ปูดมีคนพยายามบิดเบือนจนเกิดขัดแย้ง แย้มปรับแก้ระบบการศึกษาต้องไม่สุดโต่ง
วันนี้ (31 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้โอวาทแก่เยาวชน ผู้บริหารศาลยุติธรรม ผู้บริหารสำนักงานฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จากโครงการเยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน (Belia Thai Sejiwa Sehati) รุ่นที่ 3 จำนวน 117 คน จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศเรามีปัญหามากมาย อย่ามองปัญหาเฉพาะเราแก้ไขได้ ต้องเตรียมรับปัจจัยเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกด้วย บ้านเมืองเดินได้ด้วยกฎหมาย ยุติธรรมต่างประเทศ เชื่อมโยงกันหมด พวกเรานับถืออิสลาม ซึ่งในหลวงบอกว่าทุกคนอยู่ในแผ่นดินไทยได้เท่าเทียมกัน อยู่ใน 3 จังหวัด 4 อำเภอภาคใต้ ซึ่งมีการดูแลอยู่แล้วเพื่อทำงานขับเคลื่อนตรงนี้ ไม่ว่านับถือศาสนาอะไร ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี ตนชื่นชมในศาสนาอิสลามที่มีความเคร่งครัด ถือศีลอด ทุกคนทำเหมือนกันหมด เอาสิ่งที่ทำดีอยู่แล้วทำให้สังคมมีความสุข อย่าเอาทุกอย่างมาเป็นความขัดแย้ง
วันนี้ในส่วนกฎหมายทำหลายอย่าง เรามีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำหน้าที่ปฏิรูป 11 เรื่อง ซึ่ง สปช.คิดมาได้ 37 ประเด็ยมแต่ยังไม่จบ พวกเราต้องเข้าใจว่าประเทศเรามีปัญหาทับซ้อน กฎหมายล้าสมัย ประชาชนไม่เข้าใจ ยังไม่เป็นสากล ทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ ติดกับดักตัวเองเป็นประเทศรายได้ปานกลาง แต่ทุกอย่างแก้ไม่ได้ ถ้ายังมีความขัดแย้งอยู่ ที่ผ่านมาคิดว่าเราทำอะไรให้พี่น้องมุสลิมโกรธเคือง ภาคใต้มีประชากร 3 ล้านคน มีชาวพุทธเพียง 10% อยู่ร่วมกันอน่างสันติสุขมานานต่อมาก็เกิดเหตุ เกิดการกระทบกระทั่งกัน วันนี้มีคณะกรรมการพูดคุยสันติสุข ไม่ใช้คำว่าเจรจาเพราะเราไม่ได้รบกัน วันนี้มีเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยและกฎหมาย ถ้าเหตุการณ์ยุติได้ก็ถอนกำลังกลับมาเพราะไม่มีใครอยากอยู่หรือบังคับน้ำใจกัน แต่ต้องเข้าใจว่าการบังคับใช้กฎหมายเป็นสิ่งสำคัญ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงกฎหมาย ไม่ว่าจนหรือรวยก็ต้องทำเหมือนกัน
วันนี้รัฐบาลทำหลายอย่าง มีปัญหามากมายจำเป็นต้องมายืนตรงนี้ เมื่อเข้ามาแล้วก็ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด นานหรือไม่ไม่รู้ แต่ไม่เคยไปเปลี่ยนแปลงโรดแมปของตนเอง และร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการโหวตหรือไม่ยังไม่รู้ ถ้าผ่านก็บอกว่าตนบังคับ ถ้าไม่ผ่านก็บอกว่าสืบทอดอำนาจ ตนก็ไม่รู้จะยืนตรงไหน วันนี้ต้องเรียนรู้อยู่อย่างสันติ ปราศจากความขัดแย้ง ต้องแก้ปัญหาความมั่นคงในประเทศให้ยุติได้โดยเร็ว เรากำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งโอกาสภาคใต้มีมากเพราะคนน้อย ทรัพยากรมาก แต่มีคนคิดว่าปกครองตนเองดีกว่านี้ ซึ่งตนอยากบอกว่าไม่มีทางหลายประเทศที่แยกออกไปก็แย่ มันไม่ทันการ ยิ่งแยกใหม่ยิ่งไม่ได้ ทั้งโครงสร้าง การจัดการ เก็บภาษีต่างๆ มันไม่ได้จึงต้องช่วยกันคิด ให้เด็กๆ เป็นแกนนำให้เกิดความสันติสุข ถ้าบอกว่าเราปิดกั้นต้องบอกว่าเราปิดกั้นเรื่องอะไร การนับถือศาสนา หรือการตั้งด่านตรวจต่างๆ แต่ทหารตั้งใจให้เกิดความสงบ หากไม่มีเรื่องก็ต้องกลับ ไม่มีใครอยากอยู่ แต่คนไม่ดีก็มี ถืออาวุธด้วยกันทั้งคู่ แต่ประเด็นอยู่ที่ใครเริ่มความรุนแรงก่อนคนนั้นก็ผิด แต่คิดว่าเจ้าหน้าที่คงไม่เริ่มก่อน แต่ตนมีเวลา 3 เดือนขอให้มันสงบได้ มีคณะกรรมการพูดคุยสันติสุข เอาทหารลงไปเพื่อดูแลทุกข์สุข ทำถนนหนทาง พัฒนาต่างๆ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ผ่านมาภาคใต้มีปัญหาเรื่องการปฏิสัมพันธ์กัน ทำให้ไทยมีปัญหาเรื่องการสร้างชุมชนเมืองเพราะบ้านอยู่ไกลกัน มีพื้นที่ไร่ สวน ประกอบกับการกระจายความรู้ต่างๆ เป็นไปได้ช้า มีทั้งคนหวังดีและไม่ดี พูดจาให้ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิม ดังนั้นส่วนหนึ่งการแก้ปัญหาต้องเริ่มจากครอบครัว ทั้งความมั่นคง สังคม จิตวิทยา มีระบบราชการเป็นตัวเชื่อมโยง ระยะเวลาที่ผ่านมาทำเยอะ ท่ามกลางความขัดแย้ง มันไม่ง่าย อย่าคิดว่าสบาย ยังไม่เคยหยุดเลย เพราะปัญหาเรื่องเล็กๆ ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาทั้งสิ้น ทั้งการศึกษา การกระจายอำนาจต่างๆ จึงต้องแก้ทั้งระบบ ที่ผ่านมาไม่เกิดขึ้น อาจด้วยกลไกประชาธิปไตยแบบเดิมหรือเปล่าตนไม่ทราบ รัฐบาลที่เข้ามาพยายามปรับแก้ ให้งานกลุ่มเดียวกันทำด้วยกัน ไม่ให้ซ้ำซ้อน และต่อเนื่องกัน นักการเมืองอาจไม่เห็นด้วย แต่ต้องทำเพราะเป็นอนาคตของประเทศ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้กระบวนการยุติธรรม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนเก่ง แต่เอาปัญหามารับฟังคนอื่น และยอมรับว่าไม่สามารถแก้ปัญหาให้ทุกคนพอใจได้ แต่ต้องหาตรงกลางให้ได้ ต้องปรับแก้กระบวนการพูดคุยสันติสุขให้เกิดการยอมรับ ไม่ใช่แค่ตั้งโต๊ะคุย แต่ต้องรับเรื่องมาและคณะกรรมการร่วมแก้ปัญหาตามกฎหมาย ต้องมีโรดแมป สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ให้เกียรติและศักดิ์ศรีเขาและแก้ปัญหาภายใต้กฎหมายของไทยที่แบ่งแยกไม่ได้ เท่าเทียมกัน
กฎหมายประมาณ 300 ฉบับอย่ามองว่ามาทำลายคนจน แต่ออกมาเพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติและเข้าถึงกฎหมาย เอากฎหมายที่ออกไม่ได้เพราะมีส่วนได้ ส่วนเสีย มาออกวันนี้ ต้องเข้าใจคำว่า ประชาธิปไตย มีกฎ กติกา มารยาท นักการเมือง ประชาชน ข้าราชการ และประชาชนต้องรู้ว่าประเทศจะเดินไปอย่างไร และเมื่อตนเดินทางไปต่างประเทศ มักจะถามว่าประเทศไทยจะมีเสถียรภาพต่อไปแค่ไหน เพราะเขาพร้อมจะลงทุนและท่องเที่ยวภาคใต้ แต่ปัญหาอย่างเดียวคือความไม่ปลอดภัย จึงขอให้บอกพ่อแม่พี่น้อง ให้ยุติไว้ก่อน ถ้ารบกันอยู่ใครจะลงทุน รบกันไปมีแต่ถอยหลัง มีคนเจ็บตาย เสียโอกาส เดินไปไม่ได้ ประเทศก็ยากจนไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมามีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ภาคใต้มา 3 ปี แต่ไม่มีใครลงสักคน เพราะเขากลัว วันนี้ทำทุกอย่าง กระจายการพัฒนาลงไป แต่จะเอางบประมาณมาจากไหน จึงต้องร่วมทุน อย่ากังวลตนไม่เอาสักสลึง และตนได้สั่งการให้ดู ถ้าทำผิดมีการทุจริตก็ต้องลงโทษ ต้องปลดกัน
วันนี้การศึกษาต้องเท่าเทียมกัน ไม่ใช่รู้ปัญหาแล้วพูด ติดติงคนที่ทำอยู่ ถ้าติอย่างเดียว คิด หรือพูดอย่างเดียว ทำให้สังคมสับสน กระบวนการยุติธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทุกคนต้องรู้กฎหมาย เมื่อไม่รู้เราก็ตกเป็นเหยื่อ ถ้าเรารู้เรื่องกฎหมายก็จะไม่รั่วไหลไปไหน จึงขอฝากกระทรวงยุติธรรม ทำความเข้าใจกฎหมายที่ใกล้ตัวกับประชาชน
“วันนี้มีคนพยายามสร้างความบิดเบือนจนทำให้เกิดขัดแย้ง ขออย่าให้ผมสั่ง การสั่งให้คนรักชาติรักแผ่นดินทำไม่ได้ แต่ต้องสร้างอุดมการณ์ เหมือนผมที่เกิดมาเป็นทหาร ถึงตายไปก็เป็นทหาร ถึงเป็นผีก็ยังเป็นผีทหาร ชาติหน้าเกิดใหม่ก็คงจะเป็นทหารอีก เพราะไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น แม้จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ทุกคนต้องนึกถึงสังคม ซึ่งการศึกษาในขณะนี้สอนไม่ถูกต้องเพราะสอนให้คนเติมคำในช่องว่างเท่านั้น ต้องคิดเป็นกระบวนการเอาปัญหามาวิเคราะห์ วิจัย กำลังเอากระทรวงศึกษามาปรับแก้ทั้งหมด และการสอนต้องไม่สุดโต่ง”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าไม่จำเป็นไม่เข้ามาเปลืองตัว แต่ต้องการให้รู้ว่าตนมีความตั้งใจ ไม่เคยต้องการอำนาจ ไม่เคยเรียกเงินใคร วันนี้ยิ่งพูด ยิ่งสร้างปัญหา เลยไม่เคยมีใครมาพูดเพราะมีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ตนไม่มี ก็อยู่ที่ว่าจะมีคนฟังหรือเปล่า