“ไกรสร” แจงไม่มีในระเบียบกองทัพ ผบ.ทร.ห้ามจบนอก ยันโอเพน เผยทำเอกสารไอยูยูเสร็จแล้ว เตรียมคุยอียู ลั่นตุลาฯ ผ่านแน่ รับต้องกำหนดวันหยุดของเรือ ไม่ให้ทำประมงเกินที่ควรจะเป็น ลดวันจับสัตว์น้ำ รับไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ต้องแบ่งผลประโยชน์เท่ากัน จะค้าขายต่างประเทศต้องทำตามกรอบสากล
วันนี้ (27 ส.ค.) พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการปรับย้ายทหารชั้นนายพลคัดค้านผู้ถูกเสนอชื่อให้มาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ โดยอ้างระเบียบของกองทัพเรือว่า ไม่มีในระเบียบ “มันโอเพนครับ ใครที่เป็นทหารสัญญาบัตรที่จบจากโรงเรียนนายเรือ หรือ จากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ เท่ากันหมด เราไม่เคยแบ่งแยก”
พล.ร.อ.ไกรสรกล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย หรือไอยูยู ว่าขณะนี้เราทำเอกสารเสร็จหมดแล้วจำนวน 6 ฉบับ และจะส่งให้สหภาพยุโรป หรืออียู พร้อมทั้งขอคำแนะนำจากอียูว่าการดำเนินการของเราเป็นอย่างไร โดยจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปคุยกับอียูประมาณกลางเดือนหน้า ก่อนที่อียูจะเดินทางมาประเทศไทยในเดือนตุลาคมนี้ ทั้งนี้ ตนคิดว่าในเดือนตุลาคมนี้ เราผ่านแน่ ไม่ถูกใบแดงแน่นอน เพราะได้ดำเนินการในเรื่องกฎเกณฑ์ กรอบกฎหมาย ตลอดจนถึงนโยบายแผนการประมง การตรวจสอบในทะเลติดตาม และตรวจสอบสินค้าประมงตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง รวมทั้งสามารถตอบโจทย์เรื่องแรงงานผิดกฎหมายได้
พล.ร.อ.ไกรสรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้เรายังมีการควบคุมจำนวนเรือ ให้สัตว์น้ำในการทำประมงในทะเลไม่เกินค่าที่ควรจะเป็น จึงต้องกำหนดวันหยุดของเรือ เพราะเรือของเราเกินประมาณ 40% เพราะฉะนั้นการที่จะนำเรือที่เกินออกจากระบบ ซึ่งคงไม่มีใครอยากออกแน่นอน จึงต้องใช้วิธีที่ดีที่สุดในการลดการจับสัตว์น้ำ คือ ต้องหยุด จึงเป็นแนวทางที่ประมงพื้นบ้านมีผลกระทบน้อยที่สุด เพราะสามารถจับปลาวันละประมาณเพียงหลักร้อยถึงหลักพัน ไม่เหมือนกับประมงพาณิชย์ เพราะฉะนั้นเราจะเน้นการลดจับสัตว์น้ำที่เรือประมงพาณิชย์ โดยให้มีการหยุด เช่น เรืออวนล้อม จะหยุด 9 วันฝั่งอ่าวไทย และ 5 วันฝั่งอันดามัน ส่วนอวนลาก ทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน จะหยุด 5 วัน ซึ่งการหยุดก็คือการลดการจับสัตว์น้ำ
“ยืนยันว่าทุกคนที่เป็นเจ้าของเรือประมงสามารถจับสัตว์น้ำได้ เพียงแต่ต้องลดวัน และต้องเฉลี่ยให้ทุกคนได้จับสัตว์น้ำได้ปริมาณเท่าๆ กัน และภายใน 1 ปีหลังจากที่ใช้มาตรการนี้แล้วเราจะมาทบทวนกันอีกที่ว่าสัตว์น้ำในการทำประมงเป็นอย่างไร โดยเราได้ตั้งเป้าไว้ว่าต้องมีจำนวนประชากรสัตว์น้ำเพิ่มอย่างน้อย 10% ทุกปี ซึ่งข้อมูลล่าสุดเรือประมงสามารถจับสัตว์น้ำได้ 26 กิโลกรัมต่อชั่วโมง เพราะจำนวนประชากรสัตว์น้ำเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วจะอยู่ที่ 300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ซึ่งลดไปเยอะมาก” พล.ร.อ.ไกรสรกล่าว
ผบ.ทร.กล่าวต่อว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่การไม่ให้เรือประมงออกไปจับสัตว์น้ำ เพราะเท่ากับรายได้ของพวกเขาเป็นศูนย์ แต่ว่าวิธีดังกล่าวถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพียงแต่ทุกคนจะต้องแบ่งปันผลประโยชน์เท่าๆ กัน ทั้งนี้ ผู้แทนเรือประมงก็ยอมรับข้อเสนอนี้และรับปากว่าจะไปชี้แจงกับเรือประมงที่ไม่ไปเข้าร่วมประชุม ตนขออย่ามองแค่ว่าหยุดออกเรือแล้วจะไม่มีรายได้ ถ้าคิดเช่นนั้นเป็นการคิดที่เห็นแก่ตัว ดังนั้นต้องเข้าใจว่าจำนวนเรือของเรามากกว่าปริมาณของสัตว์น้ำ ถ้าหากคิดว่าจะทำการค้ากับสหภาพยุโรป หรือส่งสัตว์น้ำไปต่างประเทศ เราต้องอยู่ในกรอบที่สากลเขาทำกัน