นายกฯ รับลูก “บิ๊กนมชง” ใช้ ม. 44 เด้ง “ชวลิต ชูขจร” พ้นปลัดเกษตรฯ มานั่งผู้ตรวจ สลน. ระหว่างดูงาน “มิลานเอ็กซ์โป” เผยเหตุย้ายถูก ป.ป.ช.สอบ-ชี้มูลเป็น 1 ใน 7 ขรก.เอี่ยวทุจริตรับจำนำลำไยปี 2547 ในยุคทักษิณ ช่วง “สมศักดิ์ เทพสุมิน” นั่ง รมว.เกษตรฯ ด้าน “พล.อ.ฉัตรชัย” เข้าทำงานพรุ่งนี้ สั่งปรับฮวงจุ้ยห้องทำงานใหม่ตามยุทธศาสตร์ “ป้องกันศัตรู เรียกมิตร”
วันนี้ (25 ส.ค.) มีรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี เสนอรับโอนนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์ของทางราชการ ตามข้อ 1 วรรคสาม ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยินยอมในการโอนแล้ว
ทั้งนี้ ข้อ 1 วรรคสาม ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 ระบุว่า “คณะรัฐมนตรีอาจให้ความเห็นชอบให้แต่งตั้งผู้ซึ่งมิได้อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ มิได้มีความผิดและมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการให้ไปดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวตามวรรคหนึ่งในตําแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษหรือผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรีซึ่งมีฐานะและสิทธิประโยชน์เทียบเท่าตําแหน่งเดิม มีหน้าที่รับผิดชอบการปฏิรูปราชการแผ่นดินตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายก็ได้”
โดยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
มีรายงานว่า นายชวลิตจะไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพิเศษ ระดับ 11 โดยให้มีผลทันทีในวันนี้ (25 ส.ค.) ส่วนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนนั้น ยังไม่มีการเสนอแต่งตั้งแต่อย่างใด
“ขณะนี้นายชวลิตกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปดูงานจัดแสดงงานเอ็กซ์โปแสดงนวัตกรรมภาคเกษตรของไทย ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 26 ส.ค.นี้” รายงานข่าวระบุ
ก่อนหน้านี้นายชวลิต เป็นข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ 1 ใน 7 รายที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงและอาญา โดย ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตรับจำนำลำไยปี 2547 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันของอัยการสูงสุดกับ ป.ป.ช.ที่ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา
โดยคดีนี้เมื่อปี 2557 ที่ประชุม ป.ป.ช.ได้พิจารณากรณีทุจริตการดำเนินโครงการแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี 2547 โดยมีการกล่าวหานายสมศักดิ์เทพสุทิน อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ และพวกรวม 34คนทั้งนี้ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานได้ความว่าการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในอดีตทางราชการช่วยเหลือโดยการรับจำนำลำไยอบแห้งจากเกษตรกรโดยตรง แต่โครงการปี 2547 ได้เปลี่ยนวิธีมาเป็นการรับซื้อลำไยสดจากเกษตรกรผู้ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับทางราชการโดยทางราชการจะจ้างผู้ประกอบการมาดำเนินการรับลำไยสดจากองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) นำไปอบแห้งให้ได้มาตรฐาน แล้วส่งมอบให้แก่ อ.ต.ก.ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้และผู้ประกอบการจะต้องรับประกันราคาลำไยอบแห้งในราคาที่ตกลงกันไว้ด้วย
คดีนี้มีการจัดจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อมาดำเนินการตามโครงการนี้ ปรากฏว่า บริษัทจะต้องรับลำไยสด จาก อ.ต.ก.ไปอบแห้งตามมาตรฐานที่กำหนด แล้วส่งมอบให้ อ.ต.ก.ภายในระยะเวลา 3 หรือ 4 วัน ตามสัญญา และจะต้องประกันราคาซื้อลำไยอบแห้งจาก อ.ต.ก.ในอัตรากิโลกรัมละ เกรด AA 51 บาท, เกรด A 33 บาท และเกรด B21 บาท แต่ปรากฏว่า อ.ต.ก.ได้ซื้อลำไยขนาด AA, A และ B ทั้งสิ้น 312,373,696.50 กิโลกรัม เป็นเงิน 3,434,407,425 บาท จากเกษตรกรแล้วส่งมอบให้บริษัทรับไปอบแห้งตามสัญญา โดยบริษัทจะต้องส่งมอบลำไยอบแห้งให้ อ.ต.ก. จำนวน 94,658.696 ตัน เมื่อเลิกสัญญาบริษัทได้ส่งมอบลำไยอบแห้งเพียง 17,715.2 ตัน และ อ.ต.ก.ติดตามคืนมาได้อีก 26,898.090 ตัน รวมเป็นลำไยอบแห้งที่ อ.ต.ก.ได้รับทั้งสิ้นจำนวน 44,613.29 ตัน คิดเป็นเงิน 1,698,677,250 บาท และยังมีลำไยที่บริษัทไม่ได้นำส่ง อ.ต.ก.อีกจำนวน 50,045.406 ตัน คิดเป็นเงิน 1,874,139,744 บาท
โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในกระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการนั้นเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบ โดยมีเจตนาที่จะคัดเลือกบริษัทเอกชนมาแต่แรก ทั้งๆ ที่บริษัทดังกล่าวไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจลำไยมาก่อนและมีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายในหลายขั้นตอน ต่อมาเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายขึ้นซึ่งในการปฏิบัติที่ไม่ชอบนี้ มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำความผิด 22 ราย คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงและอาญาแก่บุคคล ดังนี้ 1. ข้าราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 7 ราย 2. พนักงาน อ.ต.ก. และพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 4 ราย และ 3. เอกชนที่ร่วมเสนอราคา จำนวน 11 ราย
สำหรับนายสมศักดิ์ จากการไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่าได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหาข้อหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป ส่วนการกระทำของนายบรรพต หงส์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ในขณะนั้นมีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
มีรายงานด้วยว่า ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ คนใหม่ จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ในเวลา 07.00 น. ก่อนมอบนโยบายให้กับข้าราชการระดับสูงในช่วงบ่าย
“ก่อนเข้ามาทำงาน 1 วัน พบว่ามีซินแสมาสั่งให้จัดฮวงจุ้ยห้องทำงานรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมด มีการตั้งหิ้งพระ จัดเปลี่ยนทิศทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ที่ไหว้พระ พระพิฆเนศ โดยวางตำแหน่งโต๊ะหมู่บูชาหันไปทางประตูทางเข้า โต๊ะทำงานอยู่ถัดไปจากโต๊ะหมู่บูชา เรียกว่าป้องกันศัตรู เรียกมิตร”
