ปคบ.รวบผู้ต้องหาเครือข่ายแช์ลูกโซ่ยูฟันเพิ่มอีก 4 ราย นับเป็นผู้ต้องหาที่ 69-72 โดยมีพฤติกรรมยักย้าย ถ่ายเท ปิดบัง ซ่อนเร้น หรือผ่องถ่าย เงินที่ได้มาจากการหลอกลวงประชาชน
วานนี้ (23ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศูนย์ปฎิบัติการสืบสวนและช่วยเหลือเหยื่อในคดีฉ้อโกงประชาชน (ยูฟัน) บก.ปคบ. ชั้น4 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษฯ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.อังกรู คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.พิรพล อัจกลับ ผกก.สืบสวน ภ.จว.บึงกาฬ และชุดสืบสวน แถลงจับกุมผู้ต้องหาคดียูฟันฯ รายที่ 69-72 ได้แก่ นายณัฐวุฒิ หรือเตี้ยวดินแดง วงศ์วิวัฒนา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/51 ม.1 ถนนมิตรไมตรีแขวงและเขตดินแดง กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่1349/2558 ลง 23 มิ.ย.58 ,นายพิพัฒน์ หรือกวงบางบอน ฉัตรโชติกุล อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 87/258 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางบอน กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่1375/2558 ลง 23 มิ.ย.58 โดยผู้ต้องหาทั้ง2 คน ได้เดินทางเข้ามอบตัวพร้อมกับทนายความ ส่วนนายกฤชธีร์ ทองหล่อเลิศ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 216/4 ต.เทพกษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ถูกจับกุมตามหมายจับศาลอาญาที่ 1396/2558ลง 23 มิ.ย.58 ได้ที่บ้านพักดังกล่าว ซึ่งเป็นน้องชายฝาแฝดของ นายไชธร ทองหล่อเลิศ อายุ 41 ปี ผู้บริหาร บ.ยูฟันฯ ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และจับกุมนายพรหมหฤษฎ์ สัมฤทธิ์ปัทมกุล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/79 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 1393/2558 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำความผิดการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดรถตู้ ยี่ห้อโฟล์คสวาเก้น สีน้ำเงิน ทะเบียน อษ8555กทม. ของนายหยาง หยวน เฉา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1129/2558 หนึ่งในกรรมการผู้ถือหุ้น ยูดีพีบี เมเนจเม้นท์(ไทยแลนด์) ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว และยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮบักซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนตถ7788กทม. ของนายเตชสิทธิ์ ประสมทรัพย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1356/2558
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า ตำรวจชุดสืบสวนคดียูฟันฯ ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินนายอาทิตย์ ปานแก้ว ผู้บริหาร บ.ยูฟันฯ ผู้ต้องหาคนสำคัญที่หลบหนีอยู่ พบว่าโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาเออร์เบิน สแควร์ ของนายณัฐวุฒิ สั่งจ่ายเช็ค 2 ฉบับ จำนวน 10 ล้านบาท และมีเงินผู้เสียหายถูกหลอกโอนสัมพันธ์กับแพ็คเกจลงทุน 86 รายการ จำนวน 64,050,000บาท มีเงินหมุนเวียนในบัญชี 84,050,000 บาท นอกจากนี้นายอาทิตย์ ยังสั่งจ่ายเช็ค2 ฉบับ ให้กับนายพิพัฒน์ ในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาราชดำริ ในวันที่ 23 ต.ค.57 จำนวน22,500,000 ล้านบาท และรับโอนเงินจากนายวีรวิชญ์ จารุพัฒน์ไพศาล ผู้ต้องหายังหลบหนีอยู่ 785,700บาท รวมถึงมีเงินผู้เสียหายโอน 104รายการ จำนวน 84,070,000 บาท มีเงินหมุนเวียนในบัญชี 105,355,700บาท ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นแม่ข่ายระดับสูง และผู้บริหาร บ.ยูฟันฯ ไว้วางใจ ให้เปิดบัญชีเงินฝากไว้รองรับเงินได้กระทำผิดหลอกลวงผู้เสียหายให้กับผู้บริหาร บ.ยูฟันฯ เพื่อปิดบังซ่อนเร้น และผ่องถ่ายไปสู่ผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า นายกฤชธีร์ ทองหล่อเลิศ เป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกที่ร่วมกระทำความผิดกับ บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด โดยผู้ต้องหามีธุรกรรมทางการเงินในลักษณะเป็นการยักย้าย ถ่ายเท ปิดบัง ซ่อนเร้น หรือผ่องถ่าย เงินที่ได้มาจากการหลอกลวงประชาชนให้เข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจยูฟัน และเป็นดาวไลน์ในสายงานของนายไชธร ทองหล่อเลิศ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ได้ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นพี่ชายของนายกฤชธีร์ฯ ผู้เป็นแม่ทีมอยู่ผังเหนือสุดของสายงาน โดยผู้ต้องหาทำหน้าที่เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย และเป็นผู้ทำรายการโอนเงินเข้า-ออกบัญชีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา จำนวนหลายคน และได้รับโอนเงินโดยตรงจากบัญชี ของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัท ยูเทรดดิ้ง จำกัด เครือข่ายของบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด จำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 122,739,654บาท อีกทั้งมีประชาชนทั่วไปโอนเงินที่มียอดสัมพันธ์กับแพ็คเกจการลงทุน จำนวน 12 รายการ เป็นเงิน 1,855,000 บาท รวมเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนทั้งสิ้น 271,536,670 บาท โดยนายกฤชธีร ทองหล่อเลิศ ได้รับฉายา คู่แฝด นอรมินี ร้อยล้าน เนื่องจากเป็นคู่แฝดกับนายไชยธร ทองหล่อเลิศ คนขับรถนายอาทิตย์ หรือแจ๊คกี้ ปานแก้ว หรือ นายออย ชูฮวด ชาวมาเล ได้เผยสัมพันธ์ระหว่าง นายไชยธร ทองหล่อเลิศ แฝดผู้พี่ กับแจ๊คกี้ หรือ ออยชูฮวด หรือนายอาทิตย์ ปานแก้ว มานานกว่าสิบปี จากคุกสงขลา
เนื่องจากนายไชยธร ฯ เคยติดคุกในคดีโทรมหญิงศาลพิพากษาจำคุก 20 ปี ติดจริง 8 ปี ขณะติดคุกได้ดูแลนักโทษชาวมาเลเซียที่ติดคุกในเรือนจำสงขลา ชื่อออย ชูฮวด ขณะเดียวกัน ออย ชูฮวด ได้สอนภาษาจีนให้กับนายไชยธร ฯ จนทำให้นายไชยธร ฯ สามารถพูดภาษาจีนได้ เมื่อออกจากคุกมา นายออย ชูฮวด ชวนนายไชยธร ฯ ไปทำงานขายเครื่องกรองน้ำด้วยกัน และประสบปัญหาขาดทุน ไม่ค่อยจ่ายเงินให้กับนายไชยธร ฯ เมื่อประมาณปี 54 เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ไชยธร ฯ จึงกลับไปทำงานที่ภูเก็ต เป็นพนักงานในเต้นรถ ชื่อ ณณยูสคาร์ ของนายณัฐิณณ พุทธิธรรมรงค์ เมื่อปลายปี 56 ออย ชูฮวด ชื่อใหม่ นายอาทิตย์ ปานแก้ว ได้ชักชวนให้นายไชยธร ฯ กลับไปทำงานที่ ยูฟัน ด้วยกันอีก โดยให้ทำหน้าที่ผู้บริหารและดำเนินการด้านการเงิน เป็นนอรมินี แทนนายอาทิตย์ ฯ แต่หน้าที่จริงคือขับรถให้กับนายอาทิตย์ ฯ และดาโต๊ะเดเนียล ฯ เนื่องจากพูดภาษาจีนได้ จากนั้นจึงมาให้นายกฤชธีร ทองหล่อเลิศ แฝดน้อง ไปเปิดบัญชีธนาคารกสิกร สาขาเซ็นทรัล บางนา ให้กับนายไชยธรฯ เพื่อใช้โรับและโอนเงิน จนมียอดโอนเงินฝากบัญชีนายกฤชธีร ฯ ร่วมร้อยจึงเป็นที่มาของฉายา "คู่แฝดนอรมินีร้อยล้าน" จากนั้นนายไชยธร ฯ ได้ไปชักชวนนายณัฐินนท์ ฯ เจ้าของณณยูสคาร์ ภูเก็ต เข้าร่วมยูฟัน โดยขายรถให้กับขบวนการยูฟันและรับยูโตเก้น ในการซื้อขายรถยนต์ด้วย จนนำไปสู่เหตุแห่งการออกหมายจับและจับกุมตัวนายณัฐิณณ ฯ ได้ที่ภูเก็ต
ด้านนายกฤชธีร์ กล่าวว่า นายไชยธรฯ ซึ่งเป็นพี่ชายของตนได้ให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารให้ แต่ตนไม่รู้เรื่องแต่อย่างใดที่มีเงินหมุนเวียนในบัญชี กว่า 200 ล้าน ตนไม่ได้ส่วนแบ่งหรือได้อะไรเลย ตนโดนจับกุมเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เวลาประมาณ 18.00 น. พี่ชายของตนรู้จักกับนายอาทิตย์ หรือแจ็คกี้ที่เรือนจำในจังหวัดสงขลา หลังจากออกมาจากเรือนจำแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป ซึ่งพี่ชายของตนได้ไปทำงานที่เต้นท์รถ ส่วนนายอาทิตย์ก็เข้ามาที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาได้ชักชวนพี่ชายของตนให้มาทำงานด้วยกัน และที่พี่ชายของตนพูดภาษาจีนได้ก็น่าจะเรียนภาษาจีนมาจากนายอาทิตย์
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวต่อว่า สำหรับนายพรหมหฤษฎ์ สัมฤทธิ์ปัทมกุล ผู้ต้องหารายที่ 72 เป็นระดับแม่ข่าย/แม่ทีม ที่รับโอนเงินเป็นจำนวนมาก โดยมีการทำธุรกรรมทางการเงินรับโอนเงินจากนางสาวกานดา เทียนธนาอนุรักษ์ ซึ่งเป็นลูกทีมของนางสาวนภัค เหล่าอิทธิพร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1006/2558 ลง 23 มิถุนายน 2558 แล้ว นายพรหมหฤษฎ์ฯ ทำการโอนเงินไปให้ นายอาทิตย์ ปานแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 617/2558 ลง 27 มีนาคม 2568ซึ่งนายอาทิตย์ฯ เป็นคณะกรรมการผู้บริหารกลุ่มบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด จำนวน 70,303,580 บาท
นายพรหมหฤษฎ์ กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายอาทิตย์ ปานแก้ว ตอนที่ไปทำบุญด้วยกัน ช่วงเวลาที่มีกิจกรรมไปแจกน้ำหรืออะไรก็ตาม แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นกรรมการ และไม่คิดว่าตนจะมีหมายจับ เพราะตนอยู่บ้านตามปกติ โดยตนได้ลงทุนซื้อพอตจำนวน 4 พอต ในราคาพอตละ 350,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 1,400,000 บาท ตนไม่มีลูกทีมแต่อย่างใด ซึ่งตนได้ขายพอตไปได้เงินคืนกลับมา 5 แสนบาท อยากฝากเตือนประชาชนที่คิดจะลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่ไม่มีสินค้าก็ควรคิดให้รอบคอบก่อน
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมอบตัวนายณัฐวุฒิ วงศ์วิวัฒนา อายุ ๕๖ ปี โดยนายณัฐวุฒิ หรือเตี้ยวดินแดง อยู่ในกลุ่มเครือข่ายของบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด โดยผู้ต้องหามีธุรกรรมทางการเงินกับบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาเออร์เบิน สแควร์ ของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ ฯ เครือข่ายของบริษัท ยูฟัน ฯ ที่เปิดบัญชีเงินฝากไว้รองรับเงินที่บริษัทยูฟัน ฯ กับพวก ได้มาจากการกระทำผิด โดยนายอาทิตย์ ปานแก้ว กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ ฯ ได้สั่งจ่ายเช็ค จำนวน 2 ฉบับ สั่งจ่ายเงินฉบับละ 10,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 20,000,000 บาท ให้แก่ผู้ต้องหา เพื่อปิดบัง ซ่อนเร้น และ/หรือเพื่อผ่องถ่ายไปสู่ผู้ร่วมขบวนการในการกระทำผิดรายอื่น ๆ และมีประชาชนทั่วไปโอนเงินที่มียอดการโอนสัมพันธ์กับ แพ็คเกจการลงทุนจำนวน 86 รายการ เป็นเงิน 64,050,000 บาท รวมเป็นเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนทั้งสิ้น 2,726,642,139 บาท ส่วนนายพิพัฒน์ เป็นผู้ต้องหามีธุรกรรมทางการเงินเปิดบัญชี เงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาราชดำริ ไว้รองรับเงินที่บริษัทยูฟัน ฯ กับพวก ได้มาจากการกระทำผิดและนำฝากไว้ในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขา เออร์เบิน สแควร์ ของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ ฯ เครือข่ายของบริษัท ยูฟัน ฯ แล้วนายอาทิตย์ ปานแก้ว กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ ฯ ได้สั่งจ่ายเช็คส่งมอบให้แก่ผู้ต้องหานำเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ต้องหา จำนวน 2 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 22,500,000 บาท และรับโอนเงินจากนายวีรวิชญ์ จารุพัฒน์ไพศาล ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและยังหลบหนีอยู่ จำนวน 785,700 บาท โดยกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดใช้บัญชีเงินฝากของผู้ต้องหาเป็นทางผ่าน ของเงินที่ได้มาจากการกระทำผิด เพื่อปิดบัง ซ่อนเร้น และ/หรือเพื่อผ่องถ่ายไปสู่ผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ๆ อีกทั้งมีประชาชนโอนเงินที่มียอดการโอนสัมพันธ์กับยอดแพ็คเกจการ ลงทุนจำนวน 104 รายการ เป็นเงิน 84,070,000 บาท รวมเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนทั้งสิ้น 3,211,218,261 บาท
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ข้อกฎหมายที่คนไม่รู้กฎหมายเป็นเรื่องที่ตนทำอาชีพสุจริต แต่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เรื่องราคาพระเครื่องไม่มีราคาตายตัว อาจจะเป็นเครือข่ายของนายอาทิตย์ เพราะตนได้นำพระมรดกไปฝากขายที่ร้านคุณพระคุ้มครองย่านปิ่นเกล้า
ด้านนายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่ามีหมายจับ เมื่อรู้จึงแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พระเครื่องได้ซื้อขายผ่านนายมนัส แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ตนเป็นเพียงคนกลางแลกเปลี่ยน ของยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทยูฟันฯ
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า ขณะนี้มีบางประเทศได้ดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทยูฟันฯ และได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ของไทยเดินทางไปให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทางศาล ก็ได้ติดต่อมาแล้วเช่นประเทศซามัว และในประเทศที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ประสานให้ข้อมูลถิ่นฐานของผู้ต้องหามาเพื่อที่จะดำเนินการในขั้นตอนส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ซึ่งมีผู้ต้องหาจำนวน 4 คนที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องถูกจะบกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และจะถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทย และมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีไปยังต่างประเทศประมาณ 30 คน นอกจากนี้นายอาทิตย์ ปานแก้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวกับศาลอุทรณ์ ไม่ได้มาปรากฎตัวตามคำสั่งศาลจึงถูกออกหมายจับอีกคดี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่าน และทางกรมการปกครองได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายอาทิตย์ฐานแจ้งความเท็จในการขอออกบัตรประชาชนโดยที่ตนไม่ได้เป็นคนไทย เพื่อดำเนินคดี และเพิกถอนบัตรประชาชนของนายอาทิตย์ ปานแก้ว.
วานนี้ (23ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศูนย์ปฎิบัติการสืบสวนและช่วยเหลือเหยื่อในคดีฉ้อโกงประชาชน (ยูฟัน) บก.ปคบ. ชั้น4 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษฯ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.อังกรู คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.พิรพล อัจกลับ ผกก.สืบสวน ภ.จว.บึงกาฬ และชุดสืบสวน แถลงจับกุมผู้ต้องหาคดียูฟันฯ รายที่ 69-72 ได้แก่ นายณัฐวุฒิ หรือเตี้ยวดินแดง วงศ์วิวัฒนา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/51 ม.1 ถนนมิตรไมตรีแขวงและเขตดินแดง กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่1349/2558 ลง 23 มิ.ย.58 ,นายพิพัฒน์ หรือกวงบางบอน ฉัตรโชติกุล อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 87/258 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงและเขตบางบอน กทม. ตามหมายจับศาลอาญาที่1375/2558 ลง 23 มิ.ย.58 โดยผู้ต้องหาทั้ง2 คน ได้เดินทางเข้ามอบตัวพร้อมกับทนายความ ส่วนนายกฤชธีร์ ทองหล่อเลิศ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 216/4 ต.เทพกษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ถูกจับกุมตามหมายจับศาลอาญาที่ 1396/2558ลง 23 มิ.ย.58 ได้ที่บ้านพักดังกล่าว ซึ่งเป็นน้องชายฝาแฝดของ นายไชธร ทองหล่อเลิศ อายุ 41 ปี ผู้บริหาร บ.ยูฟันฯ ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และจับกุมนายพรหมหฤษฎ์ สัมฤทธิ์ปัทมกุล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40/79 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 1393/2558 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกระทำความผิดการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดรถตู้ ยี่ห้อโฟล์คสวาเก้น สีน้ำเงิน ทะเบียน อษ8555กทม. ของนายหยาง หยวน เฉา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1129/2558 หนึ่งในกรรมการผู้ถือหุ้น ยูดีพีบี เมเนจเม้นท์(ไทยแลนด์) ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว และยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮบักซ์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนตถ7788กทม. ของนายเตชสิทธิ์ ประสมทรัพย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1356/2558
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า ตำรวจชุดสืบสวนคดียูฟันฯ ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินนายอาทิตย์ ปานแก้ว ผู้บริหาร บ.ยูฟันฯ ผู้ต้องหาคนสำคัญที่หลบหนีอยู่ พบว่าโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาเออร์เบิน สแควร์ ของนายณัฐวุฒิ สั่งจ่ายเช็ค 2 ฉบับ จำนวน 10 ล้านบาท และมีเงินผู้เสียหายถูกหลอกโอนสัมพันธ์กับแพ็คเกจลงทุน 86 รายการ จำนวน 64,050,000บาท มีเงินหมุนเวียนในบัญชี 84,050,000 บาท นอกจากนี้นายอาทิตย์ ยังสั่งจ่ายเช็ค2 ฉบับ ให้กับนายพิพัฒน์ ในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาราชดำริ ในวันที่ 23 ต.ค.57 จำนวน22,500,000 ล้านบาท และรับโอนเงินจากนายวีรวิชญ์ จารุพัฒน์ไพศาล ผู้ต้องหายังหลบหนีอยู่ 785,700บาท รวมถึงมีเงินผู้เสียหายโอน 104รายการ จำนวน 84,070,000 บาท มีเงินหมุนเวียนในบัญชี 105,355,700บาท ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นแม่ข่ายระดับสูง และผู้บริหาร บ.ยูฟันฯ ไว้วางใจ ให้เปิดบัญชีเงินฝากไว้รองรับเงินได้กระทำผิดหลอกลวงผู้เสียหายให้กับผู้บริหาร บ.ยูฟันฯ เพื่อปิดบังซ่อนเร้น และผ่องถ่ายไปสู่ผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า นายกฤชธีร์ ทองหล่อเลิศ เป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกที่ร่วมกระทำความผิดกับ บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด โดยผู้ต้องหามีธุรกรรมทางการเงินในลักษณะเป็นการยักย้าย ถ่ายเท ปิดบัง ซ่อนเร้น หรือผ่องถ่าย เงินที่ได้มาจากการหลอกลวงประชาชนให้เข้ามาร่วมลงทุนในธุรกิจยูฟัน และเป็นดาวไลน์ในสายงานของนายไชธร ทองหล่อเลิศ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ได้ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นพี่ชายของนายกฤชธีร์ฯ ผู้เป็นแม่ทีมอยู่ผังเหนือสุดของสายงาน โดยผู้ต้องหาทำหน้าที่เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย และเป็นผู้ทำรายการโอนเงินเข้า-ออกบัญชีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา จำนวนหลายคน และได้รับโอนเงินโดยตรงจากบัญชี ของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัท ยูเทรดดิ้ง จำกัด เครือข่ายของบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด จำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงิน 122,739,654บาท อีกทั้งมีประชาชนทั่วไปโอนเงินที่มียอดสัมพันธ์กับแพ็คเกจการลงทุน จำนวน 12 รายการ เป็นเงิน 1,855,000 บาท รวมเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนทั้งสิ้น 271,536,670 บาท โดยนายกฤชธีร ทองหล่อเลิศ ได้รับฉายา คู่แฝด นอรมินี ร้อยล้าน เนื่องจากเป็นคู่แฝดกับนายไชยธร ทองหล่อเลิศ คนขับรถนายอาทิตย์ หรือแจ๊คกี้ ปานแก้ว หรือ นายออย ชูฮวด ชาวมาเล ได้เผยสัมพันธ์ระหว่าง นายไชยธร ทองหล่อเลิศ แฝดผู้พี่ กับแจ๊คกี้ หรือ ออยชูฮวด หรือนายอาทิตย์ ปานแก้ว มานานกว่าสิบปี จากคุกสงขลา
เนื่องจากนายไชยธร ฯ เคยติดคุกในคดีโทรมหญิงศาลพิพากษาจำคุก 20 ปี ติดจริง 8 ปี ขณะติดคุกได้ดูแลนักโทษชาวมาเลเซียที่ติดคุกในเรือนจำสงขลา ชื่อออย ชูฮวด ขณะเดียวกัน ออย ชูฮวด ได้สอนภาษาจีนให้กับนายไชยธร ฯ จนทำให้นายไชยธร ฯ สามารถพูดภาษาจีนได้ เมื่อออกจากคุกมา นายออย ชูฮวด ชวนนายไชยธร ฯ ไปทำงานขายเครื่องกรองน้ำด้วยกัน และประสบปัญหาขาดทุน ไม่ค่อยจ่ายเงินให้กับนายไชยธร ฯ เมื่อประมาณปี 54 เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ไชยธร ฯ จึงกลับไปทำงานที่ภูเก็ต เป็นพนักงานในเต้นรถ ชื่อ ณณยูสคาร์ ของนายณัฐิณณ พุทธิธรรมรงค์ เมื่อปลายปี 56 ออย ชูฮวด ชื่อใหม่ นายอาทิตย์ ปานแก้ว ได้ชักชวนให้นายไชยธร ฯ กลับไปทำงานที่ ยูฟัน ด้วยกันอีก โดยให้ทำหน้าที่ผู้บริหารและดำเนินการด้านการเงิน เป็นนอรมินี แทนนายอาทิตย์ ฯ แต่หน้าที่จริงคือขับรถให้กับนายอาทิตย์ ฯ และดาโต๊ะเดเนียล ฯ เนื่องจากพูดภาษาจีนได้ จากนั้นจึงมาให้นายกฤชธีร ทองหล่อเลิศ แฝดน้อง ไปเปิดบัญชีธนาคารกสิกร สาขาเซ็นทรัล บางนา ให้กับนายไชยธรฯ เพื่อใช้โรับและโอนเงิน จนมียอดโอนเงินฝากบัญชีนายกฤชธีร ฯ ร่วมร้อยจึงเป็นที่มาของฉายา "คู่แฝดนอรมินีร้อยล้าน" จากนั้นนายไชยธร ฯ ได้ไปชักชวนนายณัฐินนท์ ฯ เจ้าของณณยูสคาร์ ภูเก็ต เข้าร่วมยูฟัน โดยขายรถให้กับขบวนการยูฟันและรับยูโตเก้น ในการซื้อขายรถยนต์ด้วย จนนำไปสู่เหตุแห่งการออกหมายจับและจับกุมตัวนายณัฐิณณ ฯ ได้ที่ภูเก็ต
ด้านนายกฤชธีร์ กล่าวว่า นายไชยธรฯ ซึ่งเป็นพี่ชายของตนได้ให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารให้ แต่ตนไม่รู้เรื่องแต่อย่างใดที่มีเงินหมุนเวียนในบัญชี กว่า 200 ล้าน ตนไม่ได้ส่วนแบ่งหรือได้อะไรเลย ตนโดนจับกุมเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เวลาประมาณ 18.00 น. พี่ชายของตนรู้จักกับนายอาทิตย์ หรือแจ็คกี้ที่เรือนจำในจังหวัดสงขลา หลังจากออกมาจากเรือนจำแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป ซึ่งพี่ชายของตนได้ไปทำงานที่เต้นท์รถ ส่วนนายอาทิตย์ก็เข้ามาที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาได้ชักชวนพี่ชายของตนให้มาทำงานด้วยกัน และที่พี่ชายของตนพูดภาษาจีนได้ก็น่าจะเรียนภาษาจีนมาจากนายอาทิตย์
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวต่อว่า สำหรับนายพรหมหฤษฎ์ สัมฤทธิ์ปัทมกุล ผู้ต้องหารายที่ 72 เป็นระดับแม่ข่าย/แม่ทีม ที่รับโอนเงินเป็นจำนวนมาก โดยมีการทำธุรกรรมทางการเงินรับโอนเงินจากนางสาวกานดา เทียนธนาอนุรักษ์ ซึ่งเป็นลูกทีมของนางสาวนภัค เหล่าอิทธิพร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1006/2558 ลง 23 มิถุนายน 2558 แล้ว นายพรหมหฤษฎ์ฯ ทำการโอนเงินไปให้ นายอาทิตย์ ปานแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 617/2558 ลง 27 มีนาคม 2568ซึ่งนายอาทิตย์ฯ เป็นคณะกรรมการผู้บริหารกลุ่มบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด จำนวน 70,303,580 บาท
นายพรหมหฤษฎ์ กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายอาทิตย์ ปานแก้ว ตอนที่ไปทำบุญด้วยกัน ช่วงเวลาที่มีกิจกรรมไปแจกน้ำหรืออะไรก็ตาม แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นกรรมการ และไม่คิดว่าตนจะมีหมายจับ เพราะตนอยู่บ้านตามปกติ โดยตนได้ลงทุนซื้อพอตจำนวน 4 พอต ในราคาพอตละ 350,000 บาท รวมมูลค่ากว่า 1,400,000 บาท ตนไม่มีลูกทีมแต่อย่างใด ซึ่งตนได้ขายพอตไปได้เงินคืนกลับมา 5 แสนบาท อยากฝากเตือนประชาชนที่คิดจะลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่ไม่มีสินค้าก็ควรคิดให้รอบคอบก่อน
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมอบตัวนายณัฐวุฒิ วงศ์วิวัฒนา อายุ ๕๖ ปี โดยนายณัฐวุฒิ หรือเตี้ยวดินแดง อยู่ในกลุ่มเครือข่ายของบริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด โดยผู้ต้องหามีธุรกรรมทางการเงินกับบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาเออร์เบิน สแควร์ ของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ ฯ เครือข่ายของบริษัท ยูฟัน ฯ ที่เปิดบัญชีเงินฝากไว้รองรับเงินที่บริษัทยูฟัน ฯ กับพวก ได้มาจากการกระทำผิด โดยนายอาทิตย์ ปานแก้ว กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ ฯ ได้สั่งจ่ายเช็ค จำนวน 2 ฉบับ สั่งจ่ายเงินฉบับละ 10,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 20,000,000 บาท ให้แก่ผู้ต้องหา เพื่อปิดบัง ซ่อนเร้น และ/หรือเพื่อผ่องถ่ายไปสู่ผู้ร่วมขบวนการในการกระทำผิดรายอื่น ๆ และมีประชาชนทั่วไปโอนเงินที่มียอดการโอนสัมพันธ์กับ แพ็คเกจการลงทุนจำนวน 86 รายการ เป็นเงิน 64,050,000 บาท รวมเป็นเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนทั้งสิ้น 2,726,642,139 บาท ส่วนนายพิพัฒน์ เป็นผู้ต้องหามีธุรกรรมทางการเงินเปิดบัญชี เงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขาราชดำริ ไว้รองรับเงินที่บริษัทยูฟัน ฯ กับพวก ได้มาจากการกระทำผิดและนำฝากไว้ในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด สาขา เออร์เบิน สแควร์ ของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ ฯ เครือข่ายของบริษัท ยูฟัน ฯ แล้วนายอาทิตย์ ปานแก้ว กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ยูฟัน พร็อพเพอร์ตี้ ฯ ได้สั่งจ่ายเช็คส่งมอบให้แก่ผู้ต้องหานำเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ต้องหา จำนวน 2 ฉบับ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 22,500,000 บาท และรับโอนเงินจากนายวีรวิชญ์ จารุพัฒน์ไพศาล ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและยังหลบหนีอยู่ จำนวน 785,700 บาท โดยกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดใช้บัญชีเงินฝากของผู้ต้องหาเป็นทางผ่าน ของเงินที่ได้มาจากการกระทำผิด เพื่อปิดบัง ซ่อนเร้น และ/หรือเพื่อผ่องถ่ายไปสู่ผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ๆ อีกทั้งมีประชาชนโอนเงินที่มียอดการโอนสัมพันธ์กับยอดแพ็คเกจการ ลงทุนจำนวน 104 รายการ เป็นเงิน 84,070,000 บาท รวมเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนทั้งสิ้น 3,211,218,261 บาท
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ข้อกฎหมายที่คนไม่รู้กฎหมายเป็นเรื่องที่ตนทำอาชีพสุจริต แต่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เรื่องราคาพระเครื่องไม่มีราคาตายตัว อาจจะเป็นเครือข่ายของนายอาทิตย์ เพราะตนได้นำพระมรดกไปฝากขายที่ร้านคุณพระคุ้มครองย่านปิ่นเกล้า
ด้านนายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่ามีหมายจับ เมื่อรู้จึงแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พระเครื่องได้ซื้อขายผ่านนายมนัส แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ตนเป็นเพียงคนกลางแลกเปลี่ยน ของยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทยูฟันฯ
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า ขณะนี้มีบางประเทศได้ดำเนินคดีกับกลุ่มบริษัทยูฟันฯ และได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ของไทยเดินทางไปให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทางศาล ก็ได้ติดต่อมาแล้วเช่นประเทศซามัว และในประเทศที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ประสานให้ข้อมูลถิ่นฐานของผู้ต้องหามาเพื่อที่จะดำเนินการในขั้นตอนส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ซึ่งมีผู้ต้องหาจำนวน 4 คนที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องถูกจะบกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และจะถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทย และมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีไปยังต่างประเทศประมาณ 30 คน นอกจากนี้นายอาทิตย์ ปานแก้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวกับศาลอุทรณ์ ไม่ได้มาปรากฎตัวตามคำสั่งศาลจึงถูกออกหมายจับอีกคดี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่าน และทางกรมการปกครองได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายอาทิตย์ฐานแจ้งความเท็จในการขอออกบัตรประชาชนโดยที่ตนไม่ได้เป็นคนไทย เพื่อดำเนินคดี และเพิกถอนบัตรประชาชนของนายอาทิตย์ ปานแก้ว.