xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” เรียกนักธุรกิจญี่ปุ่น รีบลงทุนช่วงนี้ดีกว่ารอเลือกตั้ง - แย้ม ครม.ใหม่ดันงบค้างท่อ 7 แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษต่อนักธุรกิจญี่ปุ่น ฝาก “อาเบะ” ขอเวลาทำเศรษฐกิจดีขึ้น ย้ำ ครม. ชุดใหม่เดินหน้าขับเคลื่อนด้านการต่างประเทศ และผลักดันการใช้งบประมาณ 7 แสนล้าน แนะนักลงทุนรีบมาลงทุนช่วงปี 58 - 59 ชูเร็วกว่ารัฐบาลเลือกตั้ง อีกทั้งมีกฎหมายอำนายความสะดวก ย้ำสร้างความเชื่อมั่น ผลักดันเขตเศรษบกิจพิเศษแนวชายแดน ย้ำต้องให้กำลังใจเพื่อนบ้านดันทวายโปรเจกต์ ยืนยันทั้งสองชาติจะแข็งแกร่งไปด้วยกัน

วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ห้องนภาลัย โรมแรมดุสิตธานี เมื่อเวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานนายกรัฐมนตรีพบนักธุรกิจญี่ปุ่น ที่มีนักธุรกิจ และสมาคมไทย - ญี่ปุ่น หอการค้าญี่ปุ่นเข้าร่วมฟังตอนหนึ่งว่า ประเทศไทย - ญี่ปุ่น มีสัมพันธ์มายาวนาน รวม 5 - 6 ร้อยปี ผูกพันการค้าขาย ข้อสำคัญระดับราชวงศ์ เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นเดียวกัน วันนี้ความสัมพันธ์ราชวงศ์ดีมาก เป็นเพื่อนเก่าแก่มายาวนาน ระหว่างรัฐบาลมีสัมพันธ์ใกล้ชิด ทั้งการค้า ความมั่นคง วัฒนธรรม ประเพณี การศึกษา รวมถึงอาหารการกินที่คล้ายคลึงกัน ตนวันไหนเบื่ออาหารไทย ให้ลูกน้องสั่งอาหารญี่ปุ่นมาก่อน แต่แพงมาก ไม่รู้หมดประเทศหรือยัง เพราะประเทศสั่งมากินเยอะ

ประชาชนของทั้งสองประเทศ มีการเดินทางเยี่ยมเยือนกัน ตนก็ไปมา แต่ไม่มีโอกาสซื้อของ เพราะเป็นนายกฯแต่ขออย่าเพิ่งตัดเที่ยวบินของไทย ขอให้ช่วยกันหน่อย ถ้าเราไม่ช่วยกัน ใครจะช่วย วันนี้รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ และตนก็รู้หลายประเทศอึดอัด ญีปุ่นเองก็อึดอัด นายชินโซ อะเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แรก ๆ ก็ไม่ค่อยพูดกับตนหรอก ซึ่งตนก็ต้องขอเวลาที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ตนรื้อแผนมาดูทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ขับเคลื่อนประเทศไปได้ และตนก็พยายามใช้ประชาธิปไตยกับอะเบะ แต่ในไทยยังต้องเข้มงวด เพราะคนไทยกับคนญี่ปุ่นต่างกัน เพราะคนไทยอิสระ

“ผมไปญี่ปุ่นกี่ครั้งมีความสุข แต่วันนี้อยากไปเดินซื้อของแต่ไม่ได้ เพราะเป็นผู้นำรัฐบาล เกษียณเมื่อไรจะไป เพราะชอบ อย่าเพิ่งห้ามผม หน้าตาผมน่าสงสารไหม อย่าไปเชื่อในทีวีนั้นตัวปลอม ตัวจริงเป็นมิตร เรียบร้อย สุภาพ น่ารักกับทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้มี ครม. ชุด 3 ซึ่ง ครม. ชุด 1 และ 2 ทำมาดีแล้ว ในช่วงเวลา 13 เดือน รัฐบาลได้เดินหน้าหลักการเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง ครม. ชุดที่ 3 รอเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่น่าเกินอาทิตย์หน้า ระยะ 3 จะเน้นการขับเคลื่อนด้านการต่างประเทศ สร้างความเข้มแข็ง เน้นความเป็นเพื่อนกันในครอบครัวอาเซียน สถานการณ์ที่ผ่านมาตอนปี 57 เศรษฐกิจของไทยชะลอตัว ต้องเห็นใจตน และตนรับราชการทหารมา 30 ปี ช่วยทุกรัฐบาล แต่มันก็ต้องมาเป็นแบบบนี้ แก้ปัญหาไม่ได้ จนต้องมายืนตรงนี้ เพราะวิกฤตทางการเมืองทำให้กระทบทุกอย่าง งบประมาณเบิกจ่ายไม่ได้ กลายเป็นรัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม ฉะนั้น วิธีเดียวของประเทศไทย คือ ต้องทำแบบที่ตนมา เพื่อผลักดันให้ใช้งบประมาณได้ แต่ญี่ปุ่นอย่าเอาแบบ ที่ต้องทำแบบนี้เพราะติดขัดไปหมด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เวลาไปต่างประเทศ เพื่อน ๆ อยากให้ทุกอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาติดต่ออะไร ใช้เวลาเป็นปี บางทีรอสองปีก็ยังไม่ได้ โครงการต่าง ๆ ค้างการอนุมัติ คิดเป็นเงินกว่า 7 แสนล้านบาทไม่ได้รับการอนุมัติเลย ต่อไปนี้ตนคาดโทษทั้งหมด มันไม่ได้แล้ว ตอนนี้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาฟื้นฟูภาพลักษณ์ รวมถึงการรักษาความสงบเรียบร้อย เดินตามโรดแมปจนเข้าสู่ระยะที่ 3 ถ้านักลงทุนจะลงทุนควรรีบมาลงทุนปี 58 - 59 จะรวดเร็ว ถ้ารอรัฐบาลที่มาจากกาารเลือกตั้งก็จะช้า ซึ่งตนได้วางขั้นตอนไว้หมดแล้ว และตนก็ไม่ได้ขัดแยังกับโรดแมป อย่าไปฟังสื่อโซเชียลมากนัก ไม่รู้ใครเขียนบ้าง ซึ่งตนสั่งไล่ล่าอยู่ แต่ยิ่งด่าตนยิ่งชอบ ถ้าชมก็เฉย ๆ จะได้ปรับปรุงตัว แต่วันนี้จะทำให้บ้านเมืองเสียหายไม่ได้อีกแล้ว 13 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้อนุมัติงบไปแล้ว 1.1 ล้านล้านบาท มีญี่ปุ่นมาลงทุนเยอะมาก ดีใจไม่ดีไปไหน

นายกฯ กล่าวว่า เราได้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการกว่า 5,900 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 6.9 ล้านบาท ที่ทำมาของรัฐบาลทหาร นอกจากนั้น มีการออก พ.ร.บ. อำนวยความสะดวก ทำให้การอนุญาตสะดวกรวดเร็ว สามารถร้องเรียนได้ โดยช่วงนี้เป็นช่วงปรับเปลี่ยนอาจช้า 1 - 2 นาที แต่เร็วที่สุดกว่าที่ผ่านมา ขอให้จัดหาเอกสารมาให้เรียบร้อย ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งไปมา เรามีการเร่งรัดยุทธศาสตร์จาก 5 ปี เป็น 7 ปี กลัวของใหม่ไม่ดี เพราะของเก่าก็ดีอยู่ ก็ค่อยว่าอีกทีอยากขอความร่วมมือไปก่อน เพราะต้องการเร่งเดินหน้าต่อได้ รัฐบาลจะทำหน้าที่ลดอุปสรรค อำนวยความสะดวก จะเชื่อมระหว่างผู้นำ และเอกชนเป็นคนเดินหน้า รัฐเดินเองไม่ไหว ให้ภาคเอกชนมีความเข้มแข็ง

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีปัญหาเศรษฐกิจ เพราะผูกกับการส่งออก ซึ่งเป็นเอสเอ็มอีถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้ท่านต้องช่วยผม และไม่ต้องกลัวผมจะไปแซงญี่ปุ่น เพราะท่านต้องนำผมไปอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผมอยากให้ดุลการค้านำญี่ปุ่น แต่อยากให้มีการยกระดับขึ้นมาทั้งสองข้าง อยากให้สร้างเอสเอ็มอีเข้มแข็ง เราติดกับดักตัวเองจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางนานแล้ว และกับดักประชาธิปไตย คนไทยไม่เหมือนญี่ปุ่น ไทยมีความสุข ขัดใจไม่ได้ มีเสรี ไม่ขาดแคลน ไม่มีอด มีให้กินตลอด แต่ญี่ปุ่นเดินเร็ว จริงจังตลอด อยากให้คนไทยมีแบบนี้ ญี่ปุ่นใช้เวลาน้อยกว่าเราในการเติบโต หลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเราโต เพราะญี่ปุ่นช่วยเรา และประเทศต่าง ๆ ด้วย เดี๋ยวจะหาว่าเอียงข้าง ขอบคุณมิตรประเทศ แต่ญี่ปุ่นสัดส่วนการลุงทุนที่สูงมาโดยตลอด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ญี่ปุ่นช่วยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง ถ้าทำให้ไทยมีศักยภาพด้านการเกษตร ท่องเที่ยว สาธารณสุข การบริการสปา ไม่ใช่ฝากความหวังไว้กับการส่งออกอย่างเดียว เปิดทีวีมีแต่ญี่ปุ่น พยายามพัฒนาให้น่าสนใจให้เหมือนญี่ปุ่น เหมือนรายการขำกลิ้งลิงกับหมา ว่าง ๆ ผมเปิดดูตลอด การสนับสนุนการลงทุนทิศทางใหม่ ก็เสนอมาให้กับทางบีโอไอ ที่รัฐมนตรีพร้อมจะคุยอยู่แล้ว ตนจะทำให้ได้ ถ้าจะให้เร็วต้องลงทุนภายในปี 2558 - 2559 จะได้แก้ปัญหาได้หากใครใจร้อน ก่อนออกไปเซ็นชื่อไว้ เดี๋ยวจะขยายกิจการให้ วันนี้ผมเอาตัวเป็นประกันไม่ต้องห่วง นอกจากนี้ อยากให้เน้นส่งเสริมการทำงานที่มีคุณค่า หวังเรื่องพัฒนาโรงงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ และสถาบันวิจัยและพัฒนาต่าง ๆ อยากให้ยกระดับขีดความสามารถของเราให้ด้วย และอยากให้ผู้นำอาเซียนในการใช้ยุทธศาตร์บวกหนึ่งของญี่ปุ่นขอว่า อย่าลืมไทย ขอไทยอยู่ตรงกลางจะได้สร้างความเชื่อมโยง

วันนี้ต้องขอบคุณทุกประเทศที่เป็นมิตรกับประเทศไทย โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่มีการขอรับการสนับสนุนจากบีโอไอกว่าร้อยละ 60 ซึ่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างฐานเศรษฐกิจ จึงอยากให้ในปี 58 - 59 ทุกบริษัทเร่งลงทุนในประเทศไทย ซึ่งตนขอสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคน เรียกว่าใช้ตนเป็นตัวประกันได้ ไทยไม่ได้เป็นคู่แข่งขันแต่เราเป็นหุ้นส่วนกับทุกประเทศ ทุกคนจะต้องได้ผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน โปร่งใส เป็นธรรม ไม่ทุจริต และไม่ต้องห่วงสำหรับตนเข้ามาทำงาน ไม่มีผลประโยชน์ที่ทับซ้อน

“วันนี้เรามีแผนการลงทุนที่ชัดเจนในโครงการต่าง ๆ ทั้งเรื่องการคมนาคมขนส่ง การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ทุกอย่างจะมีความชัดเจน และจะเร่งให้เร็วที่สุด อย่ากลัว เมื่อมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามา ผมก็จะวางรากฐานและกำหนดกติกาไว้ ซึ่งหากมีปัญหาอะไรก็ให้เร่งแจ้งกับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในตอนนี้ อะไรที่ทำให้เกิดความเป็นธรรมก็จะเร่งทำให้อย่างทั่วถึง ผลการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมา ผมรู้สึกดีใจ การเติบโตเศรษฐกิจเมื่อปี 2557 ที่เคยติดลบ วันนี้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องติดกัน 4 ไตรมาส จนวันนี้ขยายตัวได้ร้อยละ 3 ในไตรมาสแรกของปี 2558 แสดงว่าทุกอย่างเริ่มดีขึ้น เศรษฐกิจเริ่มโงหัวขึ้น ซึ่งอนาคตก็น่าจะดี และทุกคนต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น ถ้ามั่วแต่ตีกันไปมาประเทศเล็ก ๆ ตายหมด แล้วพวกท่านจะไปค้าขายกับใคร เราต้องทำให้ทุกประเทศมีที่ยืน” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลดีขึ้นตามลำดับ หลังจากที่ติดลบมาอย่างต่อเนื่องในปี 2557 ต่อมาได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องใน 4 ไตรมาตรของปีนี้ แสดงว่า เศรษฐกิจของไทยกำลังจะดีขึ้น ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยงานสร้างความเชื่อมั่น แต่หากมีการแข่งขันกันมากเกินไปประเทศเล็กๆจะตายหมด แล้วจะไปค้าขายกับใคร วันนี้ทั้งภาคครัวเรือนและการลงทุนต่างขยายตัว ที่ผ่านมา ถึงแม้บ้านเมืองจะไม่ปกติแต่ก็ได้การท่องเที่ยวเข้ามาเสริม มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่ก็ปรากฏว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น รัฐบาลเองมีความพยายามรักษาเสถียรภาพ ควบคู่การพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อประเทศในระยะยาว ซึ่งในฐานะนายกฯ ก็ได้มีการเตรียมการไว้หลายด้าน จากนั้นจึงจะสั่ง ครม. ชุดใหม่ให้ดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต่างประเทศ การหาตลาดใหม่ ๆ ซึ่งในหลักการระยะที่หนึ่งได้เริ่มขึ้นแล้ว จากนั้นใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลยังไม่ทราบ แต่เราจะวางมาตรฐานไว้ให้นักลงทุน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภาคเอกชนของไทยมีความยินดีเป็นหุ้นส่วนกับญี่ปุ่น เราอยากให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนกับไทย ดังนั้น จึงอยากให้ญี่ปุ่นเข้ามา โดยเรามีแผนการลงทุน 8 ปี ในการพัฒนาโครงข่ายมูลค่า 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งในปี 2558 จะมีการลงทุน 5 แสนล้านบาท หากทางญี่ปุ่นมีความต้องการลงทุนเพิ่มเติมก็ขอให้บอกมา โดยต้องเข้ามาช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจของไทยด้วย เพื่อให้ไทยเป็นประเทศเศรษฐกิจสมัยใหม่

ทุกประเทศล้วนมีปัญหา หลายประเทศมีมุมมองที่แตกต่างกัน เพราะมีปัญหาพื้นฐานคนละอย่าง เราพร้อมที่ร่วมกับทุกประเทศในการเพิ่มความสัมพันธ์ แม้หลายประเทศอาจมองว่าการที่ตนเข้ามานั้นจะไม่ถูกต้อง เป็นการมองด้วยเดียว แต่ทุกประเทศมีปัญหาด้วยกันหมด และคนรุ่นนี้มักจะลืมประวัติศาสตร์ วันนี้ตนเข้ามายังไม่มีใครตายสักคน ทุกประเทศมีด้วยกันหมด ไม่ว่าจะเป็นการสู่รบ สงคราม แต่เราก็ลืมไปหมดแล้ว ตนไม่ได้แก่ตัวแต่ขอความเป็นธรรมบ้าง ในเมื่อตนทำทุกอย่างโดยการใช้อำนาจที่น้อยที่สุด เพราะได้รับการสอนว่าอำนาจยิ่งใช้มากยิ่งหมดเร็ว วันนี้ตนจึงใช้อำนาจในการสร้างสรรค์เพื่อประเทศ ให้เกิดกติกาใหม่ ๆ ที่ดีขึ้น ใช้อำนาจด้วยความเมตตา ใครผิดว่าไปตามกฎหมาย

“ฝากดูด้วยนะ มีคนหนึ่งสอนอยู่มหาวิทยาลัยเกียวโต ชื่ออาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เขาไปอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วก็ด่าผมทุกวัน ถ้าเป็นท่านท่านจะยอมไหม เห็นเขาสอนอยู่ที่เกียวโต ผมไม่รู้ว่ามีใครไปทำอะไรเขานักหนา ตอนนั้นเขาหนีผมไป เขาหนีเพราะเรียกมาพบเขาไม่มา ซึ่งเรียกมาหลายร้อยคนต่างมาหมด พบแล้วก็ปล่อยเขาก็กลับบ้าน แต่นี่ไม่มาแล้วก็ด่าผม แล้วก็สอนหนังสืออยู่โตเกียว นอกจากนี้ยังเดินไปทั่ว แล้วเล่นงานสถาบัน ผมรับไม่ได้ ผมเกิดมามีสถาบัน ทุกประเทศต่างมีสถาบันของท่าน ท่านคิดเหมือนผมบ้าง ว่ามันเจ็บปวดไหม ผมไม่ได้ตั้งใจเอาเขาไปฆ่าแกงซะหน่อย พูดกันดี ฝากด้วยแล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนอย่างที่ทุกคนคิด แต่จะดีไม่ดีก็ตัดสินกันเอง วันนี้เราทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว เราต้องสร้างโอกาสของเราให้ได้ ทุกประเทศอยู่ในโลกคนเดียวไม่ได้ ตนพยายามทำทุกอย่างเพื่อแก้ปัญหา ตนได้พูดกับต่างชาติว่า การแก้ปัญหาใช้อาวุธไม่ได้ แต่ต้องทำยังไงให้เขาพ้นจากความยากจน ประเทศไหนที่ยากจนมากก็จะก้าวร้าวรุนแรง และมีหัวหน้ากลุ่มขึ้นมา ก็จะมีการต่อสู้เกิดขึ้นในประเทศ ยิ่งถ้าต่างชาติเข้าไปก็จะไปกันใหญ่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เราจึงต้องพัฒนาประเทศที่ยากจน โดยการพัฒนาการเรียนรู้ ช่วยเหลือด้านการศึกษา ต้องช่วยเหลือเขา เราต้องช่วยกันลดแรงกดดันลงไปเยอะ ถ้าทำอย่างนี้ได้ถือเป็นการช่วยโลก สำหรับประเทศไทยถือว่ามีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ เนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ตรงกลางของภูมิภาคอาเซียน มีแนวพรมแดนยาวประมาณ 5,000 กิโลเมตร ติดต่อกับหลายประเทศ ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งมีประชากรรวมกันประมาณ100 ล้านคน มีจุดผ่านแดนรวม 90 จุด กระจายอยู่ใน 25 จังหวัดตามแนวชายแดน มีมูลค่าการค้าชายแดนรวมกันกว่า 9 แสนล้านบาทต่อปี สิ่งเหล่านี้นับเป็นปัจจัยบวกในการทำธุรกิจและติดต่อค้าขายกับมิตรประเทศรอบข้าง และมูลค่าการค้าของอาเซียนก็กำลังสูงขึ้น ก็อยากให้ท่านเข้ามาร่วมลงทุนกัน

รัฐบาลพยายามผลักดันให้การค้าและการลงทุนในพื้นที่ชายแดนขยายตัวสูงขึ้น โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการประกาศเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน รวม10 เขต ทั้งชายแดนไทย–พม่า ที่ จ.ตาก และกาญจนบุรี ชายแดนไทย - ลาว จ.เชียงราย หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร ชายแดนไทย - กัมพูชา จ.สระแก้ว และตราด และพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเซีย ที่ จ.สงขลา และนราธิวาส โดยรัฐบาลได้วางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด โดยในเบื้องต้นจะเน้นที่ จ.ตาก และสระแก้ว ก่อน มีการจัดหาพื้นที่ให้เช่าในราคาที่เหมาะสม มีการเตรียมจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และจัดวางระบบสาธารณูปโภคและระบบโลจิสติกส์ต่าง ๆ เพื่อให้มีความพร้อมรองรับการลงทุน

“ในส่วนของโครงการทวายเราได้ริเริ่มเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งกับทางเมียนมา (พม่า) เราก็ต้องให้กำลังใจเพื่อนเรา เพราะเขามีปัญหาเยอะ ในประเทศเขามีร้อยเชื้อชาติ นั่นคือปัญหาเขา เราต้องเอากำลังใจไปแก้ปัญหาเขา ซึ่งก็กำลังพยายามกันอยู่ เขานึกถึงเรา เราก็ต้องนึกถึงเขาด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า มีคนว่าตนแต่ก็มาค้าขายด้วยทุกประเทศ ทั้งรัสเซีย อินเดีย แล้วพอมาทะเลาะกันก็มาว่าตนอีก หาว่าเข้าข้างฝ่ายนู้นฝ่ายนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ปี 2559 แนวโน้มการค้าการลงทุนต่าง ๆ จะดีขึ้นมาก จากผลการดำเนินนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตลอดจนขับเคลื่อนในเรื่องโลจิสติกส์ ขนส่งทางถนน น้ำ ทางอากาศ ซึ่งตนได้มีการอนุมัติสร้างท่าเรือ รวมทั้งการเชื่อมโยงต่าง ๆ ในทุกเรื่อง ทั้งการท่องเที่ยวและการขนส่ง ซึ่งหลายโครงการจะมีนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาด้วย โดยทางรัฐบาลจะเป็นผู้ดูแลสิทธิผลประโยชน์ และจะดูแลผู้บริโภคไม่ให้ใครเดือดร้อน

สำหรับอะไรที่เป็นการสูญเสีย ขอบคุณต่างคนต่างเข้าใจกัน ทั้งเรื่องภัยพิบัติและเรื่องอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะเราเพื่อนกัน ช่วยเหลือกันมาตลอดกว่า 128 ปี วันนี้ขอสัญญาจากท่านว่าทำต่อจากนี้ไปอีก 128 ปี ให้ได้ เหมือนบรรพบุรุษทั้งสองประเทศ ต้องสร้างสันติภาพ โดยญี่ปุ่นพี่เลี้ยงให้ประเทศที่อ่อนแอด้วย เพราะตนไม่ได้หวังผลประโยชน์อย่างเดียว และหวังให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ยกระดับขึ้นมา ไม่ติดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เพื่อจะได้เป็นผู้ให้เหมือนญี่ปุ่น ไม่ใช่เป็นผู้รับอย่างเดียว เมื่อเราโตขึ้นเราก็ได้ให้มากขึ้น และแบ่งเบาภาระและมีส่วนร่วมมากขึ้น ขอยืนยันไทยจะเป็นมิตรเสมอไม่ว่ายามใดก็ตาม ไทยและญี่ปุ่นต้องสตรองเกอร์ร่วมกัน เราและญี่ปุ่น ขอดูแลนักธุรกิจไทยของเราด้วย และเราก็จะดูแลนักธุรกิจในไทยด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายในงานได้มีการแจกเข็มกลัดวงกลม พื้นลายธงชาติไทยและมีข้อความ “ STRONGER TOGETHER” ให้แก่นักธุรกิจที่เข้าร่วมงานด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น