ประชุม สนช.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันฟอกเงิน มีความเห็นให้แก้วาระดำรงตำแหน่งกรรมการ ปปง.เป็น 4 ปี จากเดิม 6 ปี เพื่อให้สอดคล้องตำแหน่งเลขาฯ พร้อมให้วุฒิสภาเห็นชอบ กก.ผู้ทรงคุณวุฒิ ก่อนจะผ่านความเห็นชอบฉลุย
วันนี้ (21 ส.ค.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายกิตติ วะสีนนท์ ประธานคณะกรรมการวิสามัญ ได้เสนอสาระสำคัญของการแก้ไขในส่วนองค์ประกอบและหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. รวมถึงกลไกการตรวจสอบ ถ่วงดุล และวาระเลขาธิการ ปปง. โดยให้มีคณะกรรมการจำนวน 15 คน จากเดิม 10 คน มาจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 6 คน กรรมการโดยตำแหน่ง 8 คน โดยเพิ่มที่มาจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตำแหน่งเลขานุการอีก 1 คน และให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาจากการสรรหาของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้น และผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อแต่งตั้ง โดยคณะกรรมการ ปปง.มีหน้าที่ระงับยับยั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟอกเงินและการสนับสนุนการเงินเพื่อการก่อการร้าย รวมถึงทำหน้าที่คัดเลือกบุคคลมาเป็นเลขาธิการ ปปง.ซึ่งมีวาระ 6 ปี
อย่างไรก็ตาม สมาชิกได้อภิปรายแสดงความเห็น อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิก สนช. ผู้ยื่นขอแปรญัตติเห็นว่า อำนาจในการแต่งตั้งตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิควรจะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาเพื่อให้กลไกตรวจสอบเกิดการถ่วงดุลที่ดี อีกทั้งวุฒิสภาก็ถือเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบโดยตรงเมื่อเปรียบเทียบกับการผ่านความเห็นชอบจาก ครม.อาจเกิดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองได้ จึงเห็นควรให้มีการแก้ไขมาตรา 20 พร้อมกับเสนอให้วาระเลขาธิการ ปปง.คงเหลือเพียง 4 ปี ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกที่ร่วมขอยื่นแปรญัตติ เห็นแย้งว่าควรให้เกิดการถ่วงดุลจากสองสภา เนื่องจากประเทศไทยปกครองด้วยระบบถ่วงดุลสองสภา แต่เห็นด้วยที่จะให้ลดวาระเลขาธิการ ปปง.เหลือเพียง 4 ปี
ดังนั้น ที่ประชุมจึงได้มีมติเห็นควรงดใช้ข้อบังคับการประชุมเพื่อพิจารณาตามความเห็นของสมาชิกผู้สงวนความเห็น โดยมีมติให้แก้ไขวาระดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ปปง.เป็น 4 ปี จากเดิม 6 ปี และให้แก้ไขมาตรา 51 เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับตำแหน่งเลขาธิการ ปปง.ก่อนวันที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับยังสามารถทำหน้าที่จนกว่าจะครบวาระ และเมื่อพ้นวาระและสามารถไปดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาสำนักงาน ปปง.หรือตำแหน่งอื่นๆ เทียบเท่าได้ พร้อมกับมีมติให้ตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาแทนการตรวจสอบถ่วงดุลโดยคณะรัฐมนตรี ก่อนที่ประชุมจะมีมติเห็นชอบวาระ 3 และให้ประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 150 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง