กมธ.ศึกษาผลงาน กสทช.ชงที่ประชุม สนช. ระบุกรอบการเงินการคลัง จี้แก้ไข พ.ร.บ.-กฎระเบียบเกี่ยวข้อง พร้อมเสนอให้ซูเปอร์บอร์ด กสทช.เป็นอิสระ ขึ้นตรงวุฒิสภาเพื่อทำงานได้เต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบรายงานการพิจารณาศึกษา ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติงานของ กสทช. ที่มี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช.เป็นประธานฯได้พิจารณาเสร็จแล้ว
พล.อ.สมเจตน์ได้นำเสนอรายงานพร้อมข้อสังเกต ข้อเสนอแนะทั้งการใช้จ่ายงบประมาณ และติดตามการดำเนินการของ กสทช. ด้านการบังคับใช้กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติของ กสทช. พร้อมทั้งแจ้งไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยรายงานระบุถึงการจัดทำและการบริหารงบประมาณประจำปี 2556 ของ กสทช.ไม่ได้ดำเนินการสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลในการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและกรอบวินัยการคลังที่ดี การเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดจนเป็นเหตุให้มีการกันเงินเหลื่อมปีจำนวนมาก
พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า จากการตรวจสอบค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของปี 2556 พบข้อบกพร่องในการจากการจ้างที่ปรึกษา ไม่มีแผนงานการจัดจ้าง การดำเนินการมักมีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียวและใช้วิธีพิเศษ ขั้นตอนในการจัดจ้างและจัดทำขอบเขตการดำเนินงาน (TOR) ไม่โปร่งใส กำหนดกิจกรรมในแต่ละโครงการไม่ชัดเจน งบประชาสัมพันธ์พบว่าถูกใช้จ่ายไปอย่างฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น เน้นประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ขององค์กรมากกว่าส่งเสริมความรู้ให้ประชาชน กมธ.จึงเห็นควรให้มีการพิจารณาทบทวนเพื่อนำไปสู่การพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.กสทช. 2553 และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างและความเป็นอิสระของ กสทช.ให้มีความสมบูรณ์และชัดเจน อาทิ ให้อำนาจการตัดสินใจเพื่อลงมติให้ดำเนินโครงการสำคัญซึ่งจำเป็นต้องใช้วงเงินงบประมาณจำนวนสูงมากนั้นให้เป็นมติของที่ประชุม กสทช.เท่านั้น เพื่อป้องกันการใช้มติ 3 ใน 5 ของคณะกรรมการเฉพาะด้านในการประชุมเรื่องเรื่องสำคัญ
พล.อ.สมเจตน์กล่าวอีกว่า สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของคณกรรมการติดตามละประเมินผลการปฏิบัติงาน (กปต.) ของ กสทช. หรือซูเปอร์บอร์ด ก็ประสบปัญหาไม่สามารถวัดประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดำเนินการของกสทช.ได้อย่างแท้จริง เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจาก กสทช ทั้งข้อมูล และหลักฐาน อีกทั้ง กปต.ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก กสทช.ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่ต้องเข้าไปตรวจสอบดังนั้นจึงควรพิจารณาทบทวนว่ายังควรมี กปต.ต่อไปหรือไม่ หากคงไว้จะต้องมีความเป็นอิสระขึ้นตรงกับวุฒิสภาเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เห็นควรให้แก้ไข พ.ร.บ.กสทช. มาตรา 24 และ 59 กำหนดให้การเปิดเผยข้อมูลตามวรรคหนึ่งต้องดำเนินการภายในระยะเวลาไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่สำนักงาน กสทช.ได้รับข้อมูลเว้นแต่เหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกิน 15 วัน แต่ต้องแสดงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องขยายเวลาไว้ด้วย